Category: Digital Trade

มาเก็ตติ้งชวนเม้าท์! อัปเดตเทรนด์ผู้บริโภคในปี 2025 ที่แบรนด์ต้องรู้ไว้

มาเก็ตติ้งชวนเม้าท์! อัปเดต เทรนด์ผู้บริโภค ในปี 2025: การเข้าใจ 5 + 1 รุ่นผู้บริโภคที่แบรนด์ต้องเข้าใจ 2025 ยุคที่เทรนด์ของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงสูง ทั้งเรื่องเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในแต่ GEN การที่แบรนด์เข้าใจลึกซึ้งถึงความต้องการของคนแต่รุ่น ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตอบโจทย์ และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด คือส่วนสำคัญที่จะทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงและดึงดูดลูกค้าจากทุกรุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาเก็ตติ้งชวนเมาท์วันนี้ชวนมาวิเคราะห์ 5 เจนกับ เทรนด์ผู้บริโภค ที่แบรนด์ควรใส่ใจ! ซิลเวอร์เจน (Silver Gen): เกิดปี 1945 และก่อนหน้า ซิลเวอร์เจนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและการเชื่อมต่อกับครอบครัว พวกเขามักมองหาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการเหล่านี้ คุ้นชินกับการรับข้อมูลการตลาดจากแผ่นพับ โฆษณาทางวิทยุ หรือร้านค้าในชุมชน เทรนด์สำคัญ: การดูแลสุขภาพ และสินค้าเพื่อสุขภาพ เช่น วิตามิน หรืออุปกรณ์ช่วยการเคลื่อนไหว เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomers): เกิดปี 1946–1964 เบบี้บูมเมอร์เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการใช้งานสินค้าและบริการที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต แบรนด์สามารถโฆษณาผ่านโทรทัศน์ หรือการโปรโมตผ่านคอมมูนิตี้/ดารา/เซเลปบริตี้ ซึ่งยังคงมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ เทรนด์สำคัญ: ความสะดวกสบาย การให้บริการที่ดี สินค้าที่ใช้งานง่าย หรือบริการที่เข้าถึงได้สะดวก เช่น การสั่งซื้อออนไลน์พร้อมจัดส่ง พร้อมทั้งการให้คำปรึกษาและบริการหลังการขายที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ เจน X (Gen X): เกิดปี 1965–1980 เจน X เป็นกลุ่มที่มองหาคุณภาพของสินค้าและบริการเป็นสำคัญ สำหรับคนเจนนี้มักจะเปรียบเทียบราคากับความคุ้มค่าที่ได้รับ “สินค้าถูกและดี” คือสิ่งที่คนเจนนี้มักมองหา แบรนด์สามารถทำการตลาดผ่านโปรโมชั่นที่เน้นส่วนลด หรือของแถมจะช่วยดึงดูดความสนใจ รวมทั้งผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งยังคงมี Facebook เป็นพื้นที่ที่เข้าถึงคนจนนี้ได้ง่ายที่สุด  เทรนด์สำคัญ: คุณภาพ ความคุ้มค่า สินค้าที่ทนทาน และใช้งานได้นานจะได้รับความนิยม โดยโปรโมชั่นลด แลก แจก แถมช่วยดึงดูดความสนใจได้อย่างดี มิลเลนเนียลส์ (Gen Y): เกิดปี 1981–1996 มิลเลนเนียลส์มักให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าการครอบครองสินค้า  คนเจนนี้มองหาความคุ้มค่าในเรื่องของประสบการณ์และความเป็นส่วนตัว โดยจะไม่ได้เน้นการเปรียบเทียบความคุ้มค่าผ่านแค่ราคาเท่านั้น  แต่จะวัดการได้รับการให้คุณค่าสำหรับตัวเองในการซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ อีกด้วย “ของดีไม่จำเป็นต้องถูก” แต่ต้องเสริมคุณค่าบางอย่างจะเพิ่มความพึงพอใจให้กับคนเจนนี้ได้อย่างดี แบรนด์สามารถโปรโมตผ่านออนไลน์แพตฟอร์ม Instagram, TikTok, X, Facebook และ Threads เพื่อเข้าถึงคนเจนนี้ได้ เทรนด์สำคัญ: แบรนด์ที่สร้างกิจกรรม เช่น อีเวนต์เพื่อสังคม หรือคอนเทนต์ที่น่าสนใจ เป็นต้น จะช่วยโอกาสดึงดูดคนในเจนมิลเลนเนียลส์ได้ดี การปรับแต่งสินค้าให้ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล เช่น การเลือกสีหรือดีไซน์เฉพาะตัว ช่วยเพิ่มความพึงพอใจ เจน Z (Gen Z): เกิดปี 1997–2012 คนเจน Z เป็นกลุ่มที่เติบโตมากับโลกดิจิทัลเต็มรูปแบบจึงให้ความสำคัญกับการสนับสนุนแบรนด์ที่มีความยั่งยืนและสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อสังคม และยังเป็นกลุ่มที่สนใจต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดด้วยดังนั้นการทำ Green Marketing ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ และแบรนด์ที่สร้างแบรนดิ้งที่เปิดกว้างให้กับความเท่าเทียม และการยอมรับความแตกต่างจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับลูกค้าเจนนี้ได้อย่างดี สำหรับการทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อาจจะไม่หลากหลายเท่าคนเจน Y แบรนด์ควรเน้นไปที่ TikTok และ Instagram จะทำให้เข้าถึงคนเจนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เทรนด์สำคัญ: ความยั่งยืน ความหลากหลาย และการใส่ใจสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้บรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ เป็นต้น อัลฟา เจเนอเรชัน (Alpha Generation): เกิดปี 2010 – 2025 เด็ก ๆ ในเจเนอเรชันอัลฟา เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์ดิจิทัล ทำให้พวกเขาชำนาญและคุ้นเคยกับอุปกรณ์เหล่านี้มากกว่าเจเนอเรชันอื่น ๆ แบรนด์สามารถการเลือกใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล และแอปพลิเคชั่นที่เหมาะสมกับเด็ก ๆ เพื่อสื่อสารและเข้าถึงคนเจนนี้ อาทิเช่น การสื่อสารผ่านเกมออนไลน์และการสร้างคอนเทนต์ที่มีส่วนร่วมอย่าง YouTube Kids หรือ แอปพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เป็นต้น รู้เขารู้เรา..รบร้อยครั้งชนะทุกครั้ง! การเข้าใจ เทรนด์ผู้บริโภค และพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละเจนเนอเรชันจะช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เพราะคนในแต่ GEN มีความต้องการและความสนใจที่แตกต่างกัน ดังนั้นการตอบสนองต่อความต้องการเหล่านี้ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสมจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าในปี 2025 นี้! สอบถามแพ็คเกจพร้อมรับราคาพิเศษคลิกเลย ที่นี้

มาเก็ตติ้งชวนเม้าท์! แบรนด์การตลาดเอง VS จ้างเอเจนซี่ทำการตลาด เลือก Choice ไหนดี?

มาเก็ตติ้งชวนเม้าท์! แบรนด์การตลาดเอง VS จ้าง เอเจนซี่ ทำการตลาด เลือก Choice ไหนดี? ในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันทางธุรกิจรุนแรงสุด ๆ การตลาดจึงเป็น 1 ในคีย์สำคัญม๊ากมาก ที่สร้างความแตกต่างและนำพาแบรนด์ไปสู่ความ Success ได้! เจ้าของธุรกิจอาจจะต้องเลือกว่าควรจะทำการตลาดด้วยตนเอง หรือจ้าง เอเจนซี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของธุรกิจ   ทำการตลาดแบบ Marketing In-House  ข้อดี การควบคุมเต็มที่: การทำการตลาดเองช่วยให้คุณสามารถควบคุมทุกขั้นตอนการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการวางแผน การออกแบบ การเลือกเครื่องมือ และการดำเนินการ สามารถปรับเปลี่ยนแผนงานได้ทันทีตามความต้องการของธุรกิจ ความเข้าใจในแบรนด์: ไม่มีใครรู้จักแบรนด์ได้ดีเท่ากับตัวเราเอง การทำการตลาดเองช่วยให้แบรนด์สามารถถ่ายทอดความเป็นแบรนด์ได้อย่างถูกต้องและตรงประเด็น ลดต้นทุน: การทำการตลาดเองอาจช่วยลดต้นทุนในบางกรณี โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัด การใช้เครื่องมือออนไลน์ฟรีหรือมีราคาย่อมเยาช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้   ข้อเสีย ความเชี่ยวชาญที่จำกัด: แม้ว่าอาจมีความรู้เรื่องการตลาด แต่บางครั้งการขาดประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอาจทำให้การตลาดไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง ใช้เวลาและทรัพยากรมาก: การทำการตลาดเองต้องใช้เวลามากในการวางแผน ดำเนินการ และติดตามผล ซึ่งอาจทำให้ต้องแบ่งเวลาจากการดูแลธุรกิจหลัก ความซับซ้อนของเครื่องมือการตลาด: เครื่องมือการตลาดออนไลน์มีความหลากหลายและซับซ้อน บางครั้งการเรียนรู้และใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพต้องการเวลาและความรู้เฉพาะด้าน   การจ้างเอเจนซี่ทำการตลาด ข้อดี ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์: เอเจนซี่มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนกลยุทธ์ การออกแบบกราฟิก การใช้สื่อออนไลน์ หรือการวิเคราะห์ข้อมูล การจ้างเอเจนซี่ช่วยให้คุณได้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์และความรู้ที่เอเจนซี่มี ประหยัดเวลา: เอเจนซี่สามารถดูแลการตลาดทั้งหมดให้แบรนด์ ทำให้เจ้าของธุรกิจมีเวลาและทรัพยากรในการดูแลธุรกิจหลักมากขึ้น และไม่ต้องกังวลกับรายละเอียดของการตลาด การเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรที่ทันสมัย: เอเจนซี่มักจะมีการเข้าถึงเครื่องมือการตลาดที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะเกินกว่าที่ธุรกิจทั่วไปจะสามารถเข้าถึงได้ เช่นเครื่องมือ Social Listening ที่ช่วยให้เราได้ทั้งข้อมูลที่ลูกค้าต้องการและฟีดแบ็กของลูกค้าจากทั่วพื้นที่ของโลกออนไลน์ อยากรู้เครื่องมือ Social Listening คืออะไรคลิกเลย “Social Listening คืออะไรทำไมนักการตลาดไม่ควรมองข้าม” เอเจนซี่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการทำแบรนด์ค่อนข้างสูง และเมื่อแบรนด์แข็งแกร่งก้จะช่วยให้แบรนด์ใช้งบการตลาดที่คุ้มค่ากว่า เราจะเห็นได้ว่าแบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ชอบจ้างเอเจนซี่ทำแบรนด์ให้   ข้อเสีย ค่าใช้จ่ายสูง: การจ้างเอเจนซี่ค่อนข้างจะมีค่าใช้จ่ายสูงโดยเฉพาะเอเจนซี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง หรือบางเอเจนซี่อาจจะไม่รับโปรเจ็กต์ที่มีงบประมาณค่อนข้างจำกัด        การตัดสินใจว่าควรทำการตลาดเองหรือจ้างเอเจนซี่ขึ้นอยู่กับทรัพยากร เวลา และความเชี่ยวชาญของธุรกิจแต่ละประเภท หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและต้องการประหยัดเวลาในด้านการทำการตลาด การจ้างเอเจนซี่ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับเจ้าของธุรกิจ อยากให้แบรนด์ติดหู สินค้าติดตลาด มีอินฟลูฯรีวิว Crosswalk Agency พร้อมลุย! Crosswalk Agency ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 10 ปี พร้อมช่วยสร้าง Branding วางแพลน Marketing และมีทีม Production คุณภาพให้บริการ ไม่ว่าจะแบรนด์เล็กหรือแบรนด์ใหญ่ก็ทำการตลาดให้ปังได้!! สอบถามแพ็คเกจพร้อมรับราคาพิเศษคลิกเลย ที่นี้