Blog

มาร์เก็ตติ้งชวนเม้าท์! Green Marketing การตลาดแบบรักษ์โลก

ยุคดิจิตัลที่มีเทคโนโลยีก้าวไกลแต่ยังมีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมอย่างหนัก ทำให้เกิดแนวคิดเรื่อง Green Marketing เป็นไอเดียในการทำการตลาดเกิดขึ้น เพื่อแบรนด์หรือสินค้าเป็นส่วนหนึ่งในขบวนการ #รักษ์โลก และผู้บริโภคก็มีส่วนร่วมในแนวทางนี้ด้วยกัน   Green marketing (การตลาดสีเขียว) คืออะไร? กรีนมาเก็ตติ้งเป็นกลยุทธ์การตลาดที่เน้นการสร้างและการโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีผลกระทบต่ำต่อสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการป้องกันการทำลายสิ่งแวดล้อม   อยากจะเม้าว่า Green Marketing มีมานานมากแล้ว และยังคงเป็นคอนเซ็ปต์การตลาดที่ถูกแบรนด์ต่าง ๆ หยิบยกเอามาใช้สื่อสารกับผู้บริโภคเรื่อย ๆ ทำให้การทำการตลาดแบบรักษ์โลกนั้นไม่ใช่เทรนด์ประเดี๋ยวประด๋าว แต่เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่จริงจัง   ไอเดียทำการตลาด Green Marketing Eco-Friendly Material  หลาย ๆ แบรนด์ให้ความสำคัญกับวัสดุที่ใช้ พร้อมทั้งนำมาเป็นจุดขายของแบรนด์เพิ่ม Gimmic และความน่าสนใจให้สินค้า เช่น แพกเกจจิ้งที่ย่อยสลายได้เอง การนำบรรจุภัณฑ์มาไปใช้ซ้ำ การนำไป DIY เพื่อใช้งานอื่น ๆ เป็นต้น   Green Promotion อาจจะส่งเสริมแคมเปญ Green Marketing ด้วยโปรโมชั่นดี ๆ อย่างการแจกส่วนลด หรือเพิ่มแต้มสะสมพิเศษ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากมีส่วนร่วม เช่น นำแพกเกจจิ้งมารีไซเคิลที่ร้านได้รับส่วนลด 10%, นำแก้วมาใช้ซ้ำได้แต้มสะสมพิเศษ, เอาขวดเปล่ามาแลกชิงโชคลุ้นร่วมกิจกรรมกับพรีเซ้นเตอร์ เป็นต้น   Green Activities นอกจากเรื่อง Branding แล้วแบรนด์ก็ยังสามารถสร้างกิจกรรมทางการตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับ Green Activities ได้ด้วย เช่น การจัดงานวิ่งมาราธอนเพื่อส่งเสริมสิ่งแวดล้อม กิจกรรมทำภารกิจปล่อยเต่าสู่ทะเล เป็นต้น ซึ่งอาจจะเพิ่มความน่าสนใจให้กิจกรรมด้วยนำ Magnet อย่างดารา อินฟลูฯ หรือพรีเซ็นเตอร์มาร่วมกิจกรรมนี้ด้วย   กำลังมองหาทีมการตลาดเพื่อสร้างเพิ่มพื้นที่ตลาดให้กับแบรนด์ ติดต่อ Crosswalk Agency มีครบทุกบริการทางการตลาดทั้งออนไลน์, อีเวนต์ และออฟไลน์ การันตีทีมงานคุณภาพที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี พร้อมช่วยสร้าง Branding วางแพลน Marketing และมีทีม Production คุณภาพให้บริการ

มาเก็ตติ้งชวนเม้าท์! รู้จัก ROAS vs ROI ค่าวัดผลที่แตกต่างกัน

หลายคนรู้จักว่าการยิงแอดโฆษณาคืออะไร…แต่ไม่รู้จักค่าวัดผลของโฆษณาที่ยิง ทำให้เจ้าของแบรนด์หรือนักการตลาดบางคนก็ไม่รู้ว่าโฆษณาที่ยิงไปมีประสิทธิภาพที่ดีมั้ย? ค่า ROAS เป้นเครื่องมือที่จะช่วยวัดผลประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาของเรา แต่มักจะมีค่าที่คล้าย ๆ กันตีคู่มาด้วยกันเสมอนั่นก็คือค่า ROI แล้วทั้ง 2 ค่านี้แตกต่างกันยังไง? Cross walk จะมาเม้าให้ฟังวันนี้ค่าาาา   ROAS (Return on Advertising Spend) คืออะไร? : ROAS คือ ตัวชี้วัดที่ใช้วัดประสิทธิภาพของการลงทุนในการโฆษณา   หลักการคำนวณ “ROAS= ค่าใช้จ่ายในการโฆษณา ÷ รายได้จากการโฆษณา” ​ ROAS 1.0 หมายถึง สำหรับทุนที่ลงทุน 1 หน่วยทำให้ได้รายได้ 1 หน่วย ตัวเลข > 1.0 = มีกำไร ตัวเลข < 1.0 = ขาดทุน   ตัวอย่าง A ลงทุนในการโฆษณา 1,000 บาท และได้รายได้จากการโฆษณานั้นเป็น 3000 บาท = ROAS ของ A คือ 3.0 (3,000 ÷ 1,000) = ได้กำไร   ค่า ROAS เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวัดประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาและช่วยบริหารงบประมาณโฆษณานั่นเอง   ROI (Return on Investment) คืออะไร? : ROI คือ ตัวชี้วัดทางการเงินที่ใช้เพื่อวัดประสิทธิภาพของการลงทุน   หลักการคำนวณ ROI = [(กำไร – ทุนลงทุน) ÷ ทุนลงทุน] x 100   ผลค่า ROI เป็นบวก = กำไร ผลค่า ROI เป็นลบ = ขาดทุน   ตัวอย่าง A ลงทุน 1,000 บาท และได้รับกำไร 3000 บาท = ROI ของ A คือ 200% [(3000 – 1000) ÷ 1000] x 100 = มีกำไร   สรุปก็คือทั้งค่า ROAS (Return on Advertising Spend) และ ROI (Return on Investment) นั้นเป็นค่าวัดผลทางการตลาดที่ใช้เพื่อวัดประสิทธิภาพของการลงทุน แต่มีความแตกต่างในวิธีการคำนวณและจุดประสงค์ ROAS วัดผลประสิทธิภาพการตลาดจากการลงทุนและกำไรในการยิงโฆษณา ROI วัดผลดทางการเงินว่าได้กำไรหรือขาดทุนจากการลงทุนทั้งหมด   อยากสร้างแคมเปญโฆษณาที่มีประสิทธิภาพดี ๆ ให้ได้ค่า ROAS เป็นบวกสูง ๆ ติดต่อ Crosswalk Agency มีครบทุกบริการทางการตลาด พร้อมทีมงานคุณภาพที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี พร้อมช่วยสร้าง Branding วางแพลน Marketing และมีทีม Production คุณภาพให้บริการ

รู้หรือยัง! Social Media กำลังกลายเป็น Search Engine ของผู้บริโภค

ยุคนี้อยากค้นอะไรขึ้นมาระหว่างไถหน้าจอก็ไม่ต้องออกจากแอปฯ โซเชียลมีเดียให้เสียเวลา เพราะตอนนี้โซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์มเริ่มมีฟังก์ชั่น Search Engine ให้แล้วจ้า นำร่องมาโดย TikTok เจ้าใหญ่เจ้าเดิมและเป็นเจ้าแรกที่บุกเบิกฟังก์ชั่นนี้บน Social Media   การที่ Social Media แพลตฟอร์มนั้นผันตัวมาเป็น Search Engine ส่งผลอะไรต่อการทำการตลาดของแบรนด์ ? คำตอบ … แบรนด์ที่มีคอนเทนต์อยู่ในแต่ละแพลตฟอร์มเยอะ ๆ จะเป็นคนที่ได้เปรียบนั่นเอง เมื่อผู้บริโภคเสิร์ชสิ่งที่ค้นหาขึ้นมา และคอนเทนต์ของแบรนด์อยู่ในหมวดหรือใกล้เคียงกับคำที่ค้นหา AI ก็จะทำหน้าที่เสิร์ฟคอนเทนต์ของแบรนด์ให้ผู้บริโภคได้เห็นคอนเทนต์นี้ เป็นการเพิ่มการเข้าถึงของแบรนด์เพิ่มขึ้นด้วย   ปี 2024 นี้โซเชียลมีเดียที่มาเเรงก็ยังคงเป็น TikTok เช่นเดิม สินค้าตัวไหนมีคอนเทนต์รีวิวจากช่องต่าง ๆ เยอะ ๆ ถ้าผู้บริโภคมาเสิร์ชหาคอนเทนต์จากช่องต่าง ๆ ก็จะขึ้นมาพร้อม ๆ กันซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้สินค้าได้อีกด้วย   ถ้าแบรนด์กำลังสนใจหา Influncer มารีวิวสินค้าของตัวเอง อย่ามองข้ามช่องทาง TikTok เป็นอันขาด อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็น Influncer ตัวใหญ่หลายคนที่ราคาอาจจะเกินงบไปหน่อย แต่อาศัยเป็น Nano-influncer หลาย ๆ คนที่ลงคอนเทนต์ช่วงเวลาก็จะช่วยสร้างปรากฏการณ์เพิ่มความน่าใช้น่าลองให้กับสินค้าได้เช่นกัน    ปีนี้อยากลุยการตลาดจริงจังต้องมีกุนซือที่ดีให้คำปรึกษา อยากให้แบรนด์ติดหู สินค้าติดตลาด มีอินฟลูฯรีวิว Crosswalk Agency พร้อมลุย! Crosswalk Agency ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 10 ปี พร้อมช่วยสร้าง Branding วางแพลน Marketing และมีทีม Production คุณภาพให้บริการ

มาร์เก็ตติ้งชวนเม้าท์! เทรนด์สีปี 2024 ไว้ใช้ทำคอนเทนต์

ได้เวลามาเม้ามอยเรื่องโทนสีประจำปี 2024 กันหน่อยค่า โทนสีที่ได้รับความนิยม,ydถูกให้ความสำคัญในงานด้านแฟชั่น, การออกแบบ, และศิลปะ ซึ่งเรื่องสี ๆ มีความสำคัญมาก ๆ ในการทำงานคอนเทนต์ เพราะโทนสีมักมีผลกับความรู้สึกเสมอ .. เคยโดนลูกค้าขอเพิ่ม Feeling ในชิ้นงานที่ส่งตรวจกันใช่มั้ยละ? ชาวกราฟฟิกก็ต้องแก้ที่โทนสีให้เป็นไปตาม Feel ที่ลูกค้าอยากได้ งั้นมาอัพเดตสีประจำปีทั้ง 7 โทนจาก E-book “เจาะเทรนด์โลก 2024” กันหน่อย จะได้เอาไว้ช่วยให้ชาวมาร์เก็ตติ้งอย่างเราเอาไว้เสนอลูกค้าได้จ้า   1. Rich Gold (Pantone 16-0836 TCX) ทองอมเบจไม่วิ้งวับแต่เรียบหรูผู้ดี เน้นความเรียบง่ายแต่ยังคงความหรูหราเอาไว้ เหมาะสำหรับสินค้าหรือแบรนด์ที่ต้องการทำคอนเทนต์ในมู้ดแบบ Premuim   2. Coral Gold (Pantone 16-1337 TCX) ส้มอิฐสไตล์ Old Money โทนส้มอิฐเพิ่มชีวิตชีวาให้กับสีทองขึ้นอีกนิดแบบไม่ตะโกน สำหรับลูกค้าที่อยากให้คอนเทนต์มีความหรูแต่ก็ดูไม่เรียบจนเกินไป   3. Butterfly Green (Pantone 12-0322 TCX) เขียวอ่อนทันสมัย ความโมเดิร์นที่รักษ์โลก ผสมผสานความโมเดิร์นของยุคสมัยให้เข้ากับสีแห่งธรรมชาติอย่างสีเขียวได้อย่างลงตัว เหมาะกับคอนเทนต์สินค้าที่อยากพรีเซ้นความทันสมัยหรือเทคโนโลยีจ๋า ๆ แต่ก็เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   4. Capri (Pantone 15-4722 TCX) ฟ้าฟ้าเทอควอยส์ความมีชีวิตชีวาที่แสนสดชื่น น้ำทะเลที่โดนแสงแดดสะท้อนมันช่างดูมีชีวิตชีวา ช่วยปลุกให้ความสร้างสรรค์ภายในตื่นตัว เหมาะสำหรับคอนเทนต์พวกแฟชั่นหรือสินค้าที่มีความ Unique ในตัวเอง   5. Raspberry Rose (Pantone 18-2333 TCX) ชมพูแสบสันพร้อมสนุกสนานไปกับทุกอย่าง ลูกค้าคนไหนชอบความจี๊ดจ๊าดสุดติ่งเอาสีนี้เสนอก่อนได้เลย ความชมพูที่ตะโกนตั้งแต่ดาวอังคาร เป็นชมพูที่พร้อมลุย พร้อมสนุก พร้อมโมเดิร์นไปกับทุกคอนเทนต์ เหมาะกับคอนเทนต์ที่เน้นความสดใสจี๊ดจ๊าดเป็นหลัก หรือเอาไปประยุกต์กับสินค้าอาหารฟิวชั่นก็น่าจะเลิศนะ   6. Violet Storm (Pantone 18-3944 TCX) ม่วงแบบกลมกล่อม เพื่อความเท่าเทียมของทุกคน สีม่วง 2024 จะไม่ใช่สีแม่หม้ายอีกต่อไป เพราะสีม่วงจะเป็นตัวเเทนแห่งความเท่าเทียมของยุค เหมาะสำหรับงานคอนเทนต์ที่เน้นไป Unisex หรือสินค้าที่เหมาะกับทุกคน    7. Pinecone (Pantone 19-1121 TCX) น้ำตาลเรียบ ๆ แต่ยั่งยืน น้ำตาลเรียบ ๆ แต่ใช้ได้ทุกยุค เหมาะกับงานที่มีคุณค่าทางจิตใจ านที่สะท้อนวัฒนธรรมพื้นบ้าน งานที่สร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติ งานคราฟต์ เป็นต้น   โทนสีทั้ง 7 อาจจะไม่ใช่สีที่ดีที่สุดหรือเหมาะกับลูกค้าทุกคน แต่อัพเดตเอาไว้เป็นแนวทางสำหรับใช้ในงานกราฟิคหรืองานคอนเทนต์ในปี 2024 ไว้กันก็ดีเนอะ เผื่อลูกค้าถูกใจจะได้ไม่ต้องคิดเยอะแยะ   อยากให้แบรนด์ติดหู สินค้าติดตลาด มีอินฟลูฯรีวิว Crosswalk Agency พร้อมลุย! Crosswalk Agency ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 10 ปี พร้อมช่วยสร้าง Branding วางแพลน Marketing และมีทีม Production คุณภาพให้บริการ

Marketing ชวนเมาท์! เทรนด์การตลาด 2024

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่าาา … ใกล้ปีใหม่ปีมังกร 2024 กันแบบนี้ ต้องมาอัพเดตกันนิดนึงว่าเทรนด์การตลาดปี 2024 จะมีอะไรใหม่ ๆ มาให้พวกเราได้สนุกกันบ้าง อาจจะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาให้เราลองใช้ เพราะโลกยุคใหม่ที่มีนวัตกรรมใหม่ไม่หยุดหย่อน พวกเราชาวการตลาดก็ต้องตามให้ทันกันเนอะ!   Data-Driven Marketing เก็บดาต้าเป็นไม่พอ ต้องหาดาต้าให้เก่ง! การเก็บดาต้าของลูกค้าหรือผู้บริโภคกลายเป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับการทำการตลาดไปแล้วในปี 2023 แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาสำหรับนักการตลาดในปี 2024 นี้ คือการหาดาต้าให้เป็น! เพราะตอนนี้เรื่องความเป็นส่วนหรือ Privacy เป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญอย่างมาก ทำให้การเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นมีความซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นในการเก็บ DATA ของผู้บริโภคอาจจะต้องใช้ Creative Skills เข้ามาช่วย เพื่อให้ผู้บริโภคหรือลูกค้ายินยอมที่จะให้เก็บข้อมูลอย่างเต็มใจ    2. Social Listening เครื่องมือไม่ใหม่ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้จัก สำหรับบริษัทหรือแบรนด์ใหญ่ ๆ อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรในการใช้ Social Listening ในการทำการตลาด แต่สำหรับ Start-up หรือธุรกิจ SMEs อาจจะเคยได้ยินแต่ยังไม่เคยได้ลองใช้ เพราะด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงของเครื่องมือ Social Listening แต่ในปี 2024 มีเครื่องมือ Social Listening ให้เลือกใช้ในราคาที่น่ารักสำหรับธุรกิจเล็ก ๆ มากขึ้น เพราะมีตั้งแต่ลองใช้ฟรีไปจนถึงราคาหลักพัน  สำหรับใครอยากรู้ว่า Social Listening คืออะไร? สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ … https://crosswalkagency.com/social-listening/   3. Affiliate Marketing ขั้นกว่าของการตลาดแบบปากต่อปาก เมื่อ 2-3 ปีก่อน ผู้บริโภคมักเลือกซื้อของตามดารา คนดัง หรือเซเลปบริตี้ที่ตัวเองชื่นชอบ การทำ Affiliate Marketing เพิ่งมาได้รับความนิยมเมื่อไม่นานมานี้ แต่กลับได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดี เพราะตัวผู้บริโภคหรือลูกค้าสามารถหารายได้เสริมจากสินค้าที่ตัวเองซื้อใช้เป็นประจำด้วย การที่ Affiliate Marketing ได้รับความนิยมในตอนนี้ เพราะรู้สึกถึงความเชื่อใจระหว่างผู้บริโภคด้วยกันเองมากกว่า ทำให้ผู้บริโภคหลายคนผันตัวมาเป็น Creator บอกต่อสินค้าที่ใช้แล้วดีต่อ ๆ กันไป เหมือนเป็นการตลาดแบบปากต่อปากแต่อยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ ด้วยการแปะลิงก์สินค้าใน Social Media ของตัวเองหรือช่องทางออนไลน์อื่น ๆ แม้ว่าหลายคนจะทราบดีอยู่เเล้วว่า Affiliate Marketing นั้นเป็นการทำรายได้ แต่ก็มาจากผู้บริโภคที่ใช้สินค้าจริง ๆ ที่มาทำคอนเทนต์ให้สินค้าหรือแบรนด์ด้วยความเต็มใจ    4. AI นวัตกรรมสุดล้ำ นักการตลาดต้องฉลาดใช้ เทคโนโลยี AI ที่ยังคงเป้นที่ถกเถียงกันทั่วโลกว่าจะมาช่วยมนุษย์ให้ทำงานง่ายขึ้น หรือมาแย่งอาชีพของมนุษย์ รวมทั้งในหลักมนุษยธรรมต่าง ๆ ที่ยังไม่สามารถตัดสินอย่างชัดเจนได้ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ AI นั้นสามารถช่วยนักการตลาดให้งานง่ายขึ้นได้ ถ้ารู้วิธีการใช้และนำมาประยุกต์ใช้งาน ช่วงกลางปีหลังน่าจะเห็นกระแสการ Generate รูปภาพด้วย AI ที่สวยงามไม่แพ้งานวาดจากอาร์ตติส หรือจะเป็นการหาข้อมูลในเรื่องต่างด้วยการพิมพ์หัวข้อเข้าไป  เทรนด์การตลาดปี 2024 ต้องมีเทคโนโลยีของ AI ที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้นเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน แต่จะมากน้อยแค่ไหนอาจจะต้องจับตาดูกันต่อไป….   การทำการตลาดในแต่ละปีมักต้องเปลี่ยนตามกระแสหรือเทรนด์ของปีนั้น ๆ รวมทั้งต้องตามให้ทัน Technology ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันให้ทัน นักการตลาดก็เหมือนนักวิ่งมาราธอนที่ต้องวิ่งให้ทันเทรนด์เพื่อจะได้ถึงเส้นชัยในแต่ละสนาม เพราะฉะนั้นอย่าลืมเตรียมร่างกายให้ทันเทรนด์กันนะคะ 🙂ติดตามข่าวสารการตลาดได้ตลอดเวลาที่ Crosswalk Agency ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 10 ปี ไม่ว่าจะสินค้าประเภทไหนก็พร้อมลุยทุกตลาด!  

Marketing ชวนเม้าท์ ! NPC ใน TikTok คืออะไร?

หลาย ๆ คนเข้า TikTok แล้วน่าจะเคยเห็นไลฟ์ NPC กันมาบ้าง สำหรับสายเกมส์ก็คงจะเข้าใจได้อย่างง่ายว่า NPC คืออะไร? แต่สำหรับหลายคนที่ยังสงสาย NPC ที่กำลัง Hot ในเหล่าติ๊กต่อกเกอร์นั้นคืออะไร .. วันนี้ Crosswalk ชวนมาเม้ากันค่ะ   NPC ย่อมาจาก Non-player Character ก็คือตัวละครภายในเกมส์ที่ผู้เล่นไม่สามารถควบคุมได้นั่นเอง ซึ่ง NPC Live หรือ NPC Streaming กำลังฮอตฮิตอย่างมากบน TikTok ตั้งแต่ปี 2022 จนตอนนี้กำลังเทรนด์ของชาวติ๊กต่อกคนไทย NPC Streamers คือผู้ใช้ TikTok ต้องสวมบทเป็นตัวละครในเกมส์ เช่น ตำรวจ ชาวบ้านหรือภูตต่าง ๆ เหล่าชาว TikTok จะต้องสวมบทเป็น NPC Streamers ต้องทำตัวให้เหมือนคาแรกเตอร์ต้นแบบและทำตามที่ผู้ชมขอเป็นการให้ความบันเทิงทั้ง 2 ฝ่าย ฝั่งติ๊กต่อกเกอร์ที่เป็น NPC ได้สนุกที่ได้สวมบทบาท ส่วนฝั่งผู้ชมได้ความสนุกในการดูท่าทางของ NPC ที่มีชีวิตและอาจจะมีส่วนร่วมกำหนดท่าทางด้วยการส่ง gift หรือดอกไม้เป็นกำลังใจให้ NPC ซึ่งรายได้ของ NPC ก็มาจากเหล่าของขวัญและดอกไม้ที่ผู้ชมกดให้กำลังใจนั่นเอง    สำหรับ Brand ที่กำลังหช่องทางทำการตลาดผ่าน NPC Streaming ก็สามารถทำได้ด้วยช่องของแบรนด์เอง หรือให้เหล่าดาว TikTok ทำ NPC แล้วนำสินค้าของแบรนด์เข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อโปรโมตด้วย  แต่ถ้ายังติดสินใจไม่ได้ว่าอย่างจะทำ NPC หรือทำ Marketing ยังไงให้เข้ากับแบรนด์ก็สามารถมาเม้ามอยกับ Crosswalk กันได้ พร้อมเม้าเรื่องการทำการตลาดปัง ๆ ที่ได้ผลลัพธ์ตรงตามเป้าหมาย ทั้งการตลาดออนไลน์ ทั้งการโปรโมทสินค้า การทำโฆษณาออนไลน์ หรือทำเว็บไซต์ของแบรนด์ ทีมงาน Crosswalk ของพวกเรามีผู้เชี่ยวชาญเรื่องการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 10 ปี ไม่ว่าจะสินค้าประเภทไหนก็พร้อมลุยทุกตลาด!  

Marketing ชวนเม้าท์ ! Social Listening คืออะไร?

การทำการตลาด DATA เป็น Sourcing ที่สำคัญสุด ๆ อาจจะต้องขอบคุณคนผลิตโปรแแกรมต่าง ๆ ที่ช่วยให้ชีวิตนักการตลาดทำงานได้ง่ายขึ้น! อยากชวนเม้าท์เรื่อง Social Listening เครื่องมือมาเก็ตติ้งที่นักการตลาดและมาเก็ตติ้งของแบรนด์ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้เราได้ทั้งข้อมูลที่ลูกค้าต้องการและฟีดแบ็กของลูกค้าจากทั่วพื้นที่ของอินเตอร์เน็ต   Social Listening คืออะไร? Social Listening เป็นเครื่องมือเทคโนโลยีใช้วิเคราะห์ข้อมูลออนไลน์เพื่อติดตามความคิดเห็น, ความรู้สึก, และการพูดคุยของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลในสังคมออนไลน์ เช่นในโซเชียลมีเดีย เป็นต้น โดยปกติ Social Listening มักใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากโซเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุ๊ก, ทวิตเตอร์, อินสตาแกรม, และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่เป็นออกเล็ตออนไลน์ เพื่อให้แบรนด์จะได้รับรู้ว่าลูกค้าหรือผู้คนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของตนเอง   เครื่องมือ Social Listening นักการตลาดน่าจะคุ้นเคยกับเจ้าเครื่องมือนี้มากันบ้าง แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกใช้เครื่องมือตัวไหนที่จะเหมาะสมกับแบรนด์หรือสินค้าของตัวเอง วันนี้ Crosswalk เอาบางเครื่องมือ Social Listening ที่คุณอาจสนใจมาเป็นช้อยให้ลองเล่นกันดูก่อนได้ค่ะ   Brandwatch: เครื่องมือ Social Listening ที่ให้คุณตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อเข้าใจความรู้สึกของลูกค้า, แนวโน้มในตลาด, และการพูดคุยเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ Hootsuite: เครื่องมือการตลาดแบบออลอินวัน (All-in-One) ที่รวมการตั้งตารางการโพสต์ในโซเชียลมีเดียและเครื่องมือ Social Listening ในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อตรวจสอบการกิจกรรมของบริษัทของคุณในโซเชียลมีเดีย Mention: เครื่องมือ Social Listening ที่ช่วยคุณตรวจสอบการพูดคุยเกี่ยวกับแบรนด์, คีย์เวิร์ดที่สำคัญ, และแนวโน้มในโซเชียลมีเดียและสังคมออนไลน์อื่น ๆ Sprout Social: แพลตฟอร์มการตลาดที่รวมการวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียและการวางแผนการโพสต์ในโซเชียลมีเดียเพื่อให้การตลาดของคุณมีประสิทธิภาพ Talkwalker: เครื่องมือ Social Listening ที่ใช้ในการค้นหาแนวโน้มใหม่ ๆ และวิเคราะห์ข้อมูลที่มาจากโซเชียลมีเดียและสังคมออนไลน์เพื่อให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าของตนเป็นอย่างดี Google Alerts: บริการฟรีที่ทำให้คุณสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนเมื่อมีการกล่าวถึงคีย์เวิร์ดหรือข้อมูลที่คุณสนใจในเว็บไซต์, ข่าว, บล็อก, หรือโซเชียลมีเดีย Awario: เครื่องมือ Social Listening ที่ช่วยในการตรวจสอบการพูดคุยเกี่ยวกับแบรนด์, คู่แข่ง, และคีย์เวิร์ดที่สำคัญในโซเชียลมีเดียและบล็อก Falcon.io: แพลตฟอร์มการตลาดที่รวมการตั้งตารางการโพสต์ในโซเชียลมีเดียและเครื่องมือ Social Listening เพื่อจัดการความรู้สึกของลูกค้าและติดตามการพูดคุย   การเลือกเครื่องมือ Social Listening ที่เหมาะกับความต้องการของแบรนด์หรือธุรกิจ เพื่อใช้ข้อมูลที่ได้รับจากการตลาด Social Listening เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด, ปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการ, และสร้างความรู้สึกในตลาดที่เป็นประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้าอยากทำการตลาดปัง ๆ เพื่อได้ผลลัพธ์ตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ ทั้งการตลาด การทำโฆษณาออนไลน์ หรือทำเว็บไซต์ของแบรนด์ ทีมงาน Crosswalk ของพวกเรามีผู้เชี่ยวชาญเรื่องการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 10 ปี ไม่ว่าจะสินค้าประเภทไหนก็พร้อมลุยทุกตลาด!

Marketing ชวนเม้าท์! 5 เทรนด์การช้อปยุคดิจิตัล

เทรนด์การตลาดประเทศไทยเปลี่ยนไวสุด ๆ เรียกได้ว่าผายลมยังไม่ทันหายเหม็นก็เปลี่ยนไปอีกแล้ว แต่นักการตลาดอย่างเรานั้น Don’t Care ไวแค่ไหนก็อัพเดตทันแน่น้อนนนนนน!! นักการตลาดกับสายช้อปปิ้งเป็นของคู่กันคู่กรรม ถ้าพฤติกรรมนักช้อปเปลี่ยนไปมาเก็ตติ้งอย่างเราก้ต้องอ้อมไปดักทางเอาใจขาช้อปให้ทัน ซึ่งเป็น The Mission สุดท้าทายว่าจะทำยังไงให้สินค้าของลูกค้าหรือของแบรนด์ต่าง ๆ ถูกใจขาช้อปยุคดิจิตัลให้มากที่สุด!   1. มาเก็ตเพลสบนแพลตฟอร์มโซเชียล ถ้าพูดถึงการช้อปปิ้งออนไลน์เมื่อก่อนคนมักจะนึกถึง LAZADA, Shoppee หรือมาเก็ตเพลสอื่น ๆ แต่ตอนนี้แม้แต่บน Social Media ก็มีมาเก็ตเพลสให้เหล่าขาช้อปได้ช้อปปิ้งกันเเล้ว โดยเฉพาะ TikTok ที่ตอนนี้มากแรงสุด ๆ เพราะนอกจากจะมีพื้นที่ให้แบรนด์ขายสินค้าแล้ว ในฝั่งของเหล่านักช้อปก็เอากำไรคืนหรือหารายได้เพิ่มได้ด้วยการทำ Affaliating กับแบรนด์ของสินค้านั้น ๆ แม้กระทั่งในฝั่งของ Facbook และ Instragam ก็มีมาเก็ตเพลสเช่นกัน สำหรับจะเลือกโปรโมตหรือขายสินค้าบนแพลตฟอร์มไหนอาจจะต้องกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พฤติกรรมของลูกค้า และความเหมาะสมของสินค้าแล้วตัดสินใจลุยกันได้เลย   2. คอนเทนต์ต้องปังได้ใจ สินค้าที่เหมือนกันในตลาดมีมากมาย… แต่ถ้าแบรนด์ไหนทำคอนเทนต์ได้เจ๋งจนลูกค้าประทับอกประทับใจย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะคอนเทนต์ของสินค้าที่สื่อสารออกมามีส่วนช่วยในการตัดสินใจในการซื้อสินค้าของลูกค้ามากกว่า 50% รวมทั้งการเลือกใช้ Presenter หรือ Influnencer สำหรับคอนเทนต์ของสินค้าชิ้นนั้นด้วย เรียกได้ว่านอกจากแบรนด์จะต้องขายสินค้าแล้วจะต้องขายความ Creative ออกมาให้โดนใจลูกค้าอีกด้วย   3. ราคาไม่เกี่ยงถ้ามีรีวิวเยอะ สินค้าราคาถูกไ่ได้แปลว่าจะขายดีเสมอไป โดยเฉพาะการช้อปปิ้งออนไลน์ที่มีความเสี่ยงที่สินค้าจะไม่ตรงปกอย่างมาก ดังนั้นร้านค้าที่มีลูกค้ามาคอมเมนต์รีวิวและให้ดาวเยอะ ๆ ย่อมทำให้เหล่านักช้อปมีความมั่นใจในสินค้ามากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่เคยสั่งซื้อหรือเห็นสินค้าจริงมาก่อนก็ตาม เพราะฉะนั้นการขายราคาถูกแต่สินค้าด้อยคุณภาพอาจจะอยู่ไ้ม่นานเท่า ร้านที่ราคากลาง ๆ แต่รีวิวแน่น ๆ   4. หน้าร้านไม่ต้องมี แต่ต้องมีความน่าเชื่อถือ การเพิ่มความหน้าเชื่อถือให้กับแบรนด์หรือร้านค้านั้นต้องมีองค์ประกอบที่หลากหลายมารวมกัน ถ้าเป็นร้านออนไลน์ก็ต้องมีบัญชี Social Media ที่อัพเดตสม่ำเสมอ การทำโฆษณาต่าง ๆ เพื่อให้คนเห้นเป็นประจำ การทำเว็บไซต์หรือร้านในมาเก็ตเพลสต่าง ๆ เพื่อให้เป็นเหมือนหน้าร้านจำลองที่ลูกค้าเข้ามาชมสินค้า รวมทั้งรีวิวจากลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าไป องค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยให้แบรนด์ออนไลน์มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น   5. จ่ายง่าย ๆ อย่ายุ่งยาก มนุษย์เรามีความขี้เกียจในตัวเองสูง เหล่านักช้อปเองก็เช่นกัน ถ้ากดซื้อของมาเต็มตะกร้าแต่ขั้นตอนจ่ายเงินยากเย็นเหลือเกิน นักช้อปที่พร้อมจ่ายก็อาจจะเปลี่ยนใจไปซื้อร้านอื่นเเทน ดังนั้นในเรื่องของ Payment ก็เป็นอีกส่วนที่แบรนด์และนักการตลาดไม่ควรมองข้าม ถ้าอยากจะมัดใจให้นักช้อปที่พร้อมเปย์เงินซื้อสินค้า   เทรนด์ในยุคดิจิทัลทั้งห้าเน้นการสะดวกสบาย, การปรับปรุงประสิทธิภาพ, และการใช้เทคโนโลยีในกระบวนการการช้อปเพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปที่ดีขึ้นสำหรับเหล่านักช้อป หากต้องการปรึกษาเรื่องการตลาด การทำโฆษณาออนไลน์ หรือทำเว็บไซต์ของแบรนด์ ทีมงาน Crosswalk ของพวกเรามีผู้เชี่ยวชาญเรื่องการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 10 ปี ไม่ว่าจะสินค้าประเภทไหนก็พร้อมลุยทุกตลาด!

เปิดคู่มือ Marketing Plan สําหรับนักธุรกิจมือใหม่ สิ่งที่ควรรู้ก่อนการวางแผนการตลาด ควรเริ่มอย่างไร ?

การทำธุรกิจ หรือการสร้างแบรนด์ แน่นอนว่าต้องควบคู่มากับการทำการตลาด เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แต่สำหรับนักธุรกิจมือใหม่แล้ว เป็นการยากที่จะเริ่มต้น เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน ต้องมีข้อมูลอะไร วันนี้ 𝘾𝙧𝙤𝙨𝙨𝙬𝙖𝙡𝙠 มีข้อมูลเกี่ยวกับการทำการตลาดในแนวทางการสร้างสื่อ คอนเทนต์ การตลาดออนไลน์ให้กับแบรนด์ สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก มาแชร์ค่ะ  การที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจ ต้องเริ่มจาก… ตั้งวัตถุประสงค์ – ตั้งเป้าหมาย วัตถุประสงค์ในการสร้างแบรนด์ให้ชัดเจน ต้องการทำการตลาดแแบบไหน และเพื่ออะไร เช่น  ♢ ต้องการเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์  ♢ ต้องการสร้าง Brand Awareness  ♢ ต้องการสร้าง Relationship กับลูกค้า  ♢ ต้องการโปรโมท หรือโฆษณาเพื่อกระตุ้นยอดขาย  ♢ ต้องการให้ลูกค้าเก่ากลบัมาซื้อซ้ำ  ♢ ต้องการหาลูกค้าใหม่ หรือเกิดการบอกต่อ  ตั้งกลุ่มเป้าหมาย – การตั้งกลุ่มลูกค้า หรือลูกค้าในอุดมคติ ( Customer Persona ) เช่นการ กำหนดอายุ เพศ พฤติกรรมหรือความสนใจ และใช้สื่อโซเชียลช่องทางไหนบ้าง เพื่อที่แบรนด์ของคุณจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคุณได้อย่างธรรมชาติ และง่ายขึ้น  สร้าง Customer Journey – เป็นแนวคิดการสร้างเส้นทาง หรือพฤติกรรมของลูกค้าที่ทางแบรนด์สร้างขึ้นเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ในการที่ลูกค้าจะมาเป็นลูกค้าของทางแบรนด์ ตั้งแต่ก่อนจะเป็นลูกค้า จนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ซึ่งในแต่ธุรกิจก็มีแนวทางเส้นทางของลูกค้าที่แตกต่างกัน เช่น ♢ Step 1 Awareness : สร้างการรับรู้ถึงการมีอยู่ของแบรนด์ ♢ Step 2 Evaluation : ลูกค้าประเมิน พิจารณา ทำความรู้จักแบรนด์ ♢ Step 3 Purchase : ลูกค้าตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์และบริการของแบรนด์ ♢ Step 4 Usage : ลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของแบรนด์ และเกิดความพึงพอใจ ♢ Step 5 Repurchase : เมื่อลูกค้าพึงพอใจในการใช้ผลิผลิตภัณฑ์และบริการของแบรนด์ จึงเกิดการซื้อซ้ำและการบอกต่อ ♢ Step 6 Advocacy : การสนับสุน ผลตอบรับจากลูกค้าที่พึงพอใจ ส่งผลให้เกิดการบอกต่อ และรีวิวแบรนด์  Content Strategy – การวางแผนกลยุทธ์ รูปแบบ หรือประเภท ในการทำคอนเท้นต์ ให้เข้ากับภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ต้องการจะสื่อออกไปถึงกลุ่มเป้าหมาย เช่น Brand Talk , Content value , Audience interests หรือรูปแบบ Content Video หรือ Content แบบโพสต์เดียว (Single) หรือ Content Album (Set) Content distribution Channels – สื่อ ช่องทางการลงคอนเท้นต์โฆษณา โปรโมท หรือสร้างการรับรู้ถึงการมีอยู่ของแบรนด์ ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายช่องทาง เช่น ♢ Owned Media : ช่องทางหลักของแบรนด์ เช่น Facebook page ♢ Paid Media : ช่องทางที่แบรนด์ต้องเสียเงิน เช่น การยิง Ads ♢ Earned Media : ช่องทางของของผู้อื่นที่เกิดจากการรีวิว พึงพอใจในการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของแบรนด์ จึงเกิดการบอกต่อ Measurement KPIs Criteria – ทำประเมินตามวัตถุประสงค์ หรือวัดผลความสำเร็จของกระบวนการทำงาน หรือเป็นคาดเดานั่นเอง โดยวัดจาก ♢ Impression rate : วัดจากการเข้าดูต่อครั้ง ♢ Reach rate : วัดจากการเข้าดูต่อคน ♢ Conversion rate : วัดจากการกดคลิกเข้าไปดู ( นับจากยอดคลิก ) ♢ Engagementread more

5 สิ่งสำคัญ ในการรักษาฐานลูกค้าเก่า ของคลินิกเสริมความงาม

ลูกค้ารูปแบบไหน ? ที่มีความ #สำคัญ ต่อคลินิกคุณ โจทย์แรกในการรักษาฐานลูกค้า คือ การที่จะต้องรู้ว่าลูกค้าแบบไหนที่คลินิก หรือคุณต้องการ  ลูกค้าที่นานๆ ซื้อที แต่ซื้อยอดเยอะๆ หรือยอดสูงๆ     ลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นการซื้อแบบเซต หรือโปรโมชันแบบระยะยาว จะเป็นการซื้อน้อยครั้ง แต่ full package ลูกค้าที่ยอดไม่สูงมาก แต่ซื้อซ้ำเป็นประจำ      ลูกค้ากลุ่มนี้ มีพฤติกรรมที่ชอบซื้ออย่างสม่ำเสมอ โดยจะค่อยเพิ่มเติมในส่วนต่างๆที่ตัวเองรู้สึกบกพร่อง หรือการได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นกระแส จนอยากจะทำ เช่น ปากกระจับ ดอลลี่อาย ลูกค้าที่ยินดีที่จะบอกต่อ และแนะนำไปยังคนอื่นๆ     ลูกค้ากลุ่มนี้ นอกจากจะเป็นลูกค้าที่ใช้บริการของเราแล้ว ยังจะช่วยเพิ่มลูกค้าใหม่ให้กับเราอีกด้วย โดยสิ่งที่จะทำให้คนที่มาใช้บริการกลายเป็นลูกค้าที่คิดจะบอกต่อนั้น คลินิกจะต้องสร้างความประทับใจ ตั้งแต่เริ่มต้น การบริการ  โปรโมชั่น ไปจนถึงติดตามหลังจากการทำ ซึ่งหากรักษาลูกค้ากลุ่มนี้ไว้ได้ จะเกิดการบอกต่อของลูกค้า ซึ่งนั่นจะเป็นการขยายฐานลูกค้าไปในตัวด้วย เราเรียกกลยุทธ์นี้ว่า Word of mouth ที่มีพลัง และสร้างความน่าเชื่อถือกับลูกค้ารายใหม่ ทำให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้น   เก็บข้อมูลว่าโปรแกรมแบบไหน ที่ลูกค้านิยมกลับมาใช้บริการซ้ำ     การเก็บสถิติ หรือข้อมูลต่างๆของการบริการ และโปรโมชั่นไว้ จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์ทิศทางของการวางแผนการตลาดได้ ทำให้ปืดการขายง่าย และตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างยอดขายตามมาได้   พยายามติดต่อ/ติดตาม กับลูกค้าเก่าอยู่เสมอ การติดต่อกับลูกค้าเก่า สามารถทำได้หลากหลายวิธี แต่ควรระวัง หากเป็นการพยายามติดต่อเพื่อขายสินค้า ซึ่งลูกค้าอาจมองว่าเป็นการสร้างการรบกวนได้  โดยการติดต่อ เพื่อสร้างความประทับใจ หรือสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า เช่น การมี Line Official ส่งข้อความแจ้งโปรโมชั่นให้ลูกค้าในเทศกาลสำคัญต่างๆ วันเกิด/เดือนเกิด หรือสิทธิพิเศา เฉพาะลูกค้าเก่า    คิดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าเก่าโดยเฉพาะ เพราะการเติบโตของธุรกิจไม่เพียงแต่เป็นการหาลูกค้ารายใหม่เข้ามาใช้บริการ แต่ต้องเป็นการที่ลูกค้าเก่ายังคงอยู่ และลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามา จึงจะทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตไปได้  ดังนั้น การทำโปรโมชั่นไว้สำหรับลูกค้าเก่าจะช่วยให้ลูกค้า กลับมาใช้บริการคลินิกของคุณได้อย่างสม่ำเสมอ เช่น การสะสมยอดบิลใน Line เพื่อแลกรับของรางวัลตามที่กำหนด หรือ การตั้งยอดใช้บริการครบเท่าไหร่ ถึงจะได้ของฟรี เป็นต้น    ใส่ใจกับคำติชมของลูกค้า และนำมาปรับปรุงแก้ไข การสอบถามความคิดเห็นของลูกค้า หรือ Feedback หลังการทำ มีส่วนช่วยให้คลินิกสามารถรู้จุดอ่อน/จุดแข็งของคลินิกได้เช่นกัน .. ไม่ว่าจะเป็น การให้บริการของพนักงาน โปรโมชั่น สินค้าที่ใช้  ซึ่ง Feedback เหล่านี้ หากเก็บรวมรวม และนำมาปรับปรุง ก็จะสามารถทำให้แก้ไขจุดอ่อน และเสริมจุดแข็งเข้าไปได้ โดยช่องทางในการรับความคิดเห็น อาจจะเป็นไปได้ทั้งช่องทาง inbox Facebook / Line / เบอร์ติดต่อ ( ขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิกและลูกค้าด้วย )