Author: admin crosswalk

ทำไมคลินิกเสริมความงามต้องทำ “ ???????? ” !?

? ทำไมคลินิกเสริมความงามต้องทำ “ ???????? ” !? ????????? ?????? เรามีคำตอบ เเต่ละข้อจะมีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมเเล้วไปดูกันเลย . . . ➣ สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ คลินิกเสริมความงามในปัจจุบันส่วนใหญ่ทำการตลาดกันมากขึ้น เเละสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุด ในการเปิดคลินิกในยุคนี้ก็คือ ” #การสร้างความมั่นใจ ” ความมั่นใจในที่นี้ก็คือ มั่นใจ . . . ในเรื่องความปลอดภัย, การให้บริการ, บริการหลังการขาย ฯลฯ จุดเด่นที่จะทำให้คลินิกเสริมความงามเป็นที่จดจำก็คือ บริการต่าง ๆ ที่ผู้ให้บริการ ” ควรใส่ใจ ” มากกว่าแค่การขายคอร์ส ขายบริการแล้วจบไป ต้องคิดถึงลูกค้า/ผู้ใช้บริการก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ ───── »◦✿◦« ───── ➣ ช่วยเรื่องการตัดสินใจในการเข้าใช้บริการ หรือการซื้อแพ็กเกจต่าง ๆ ของคลินิก การมี Branding ที่แข็งแรงนั่นสามารถช่วยให้ลูกค้า/ผู้ใช้บริการ ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น การทำโปรโมชั่นที่ดึงดูด การพรีเซ็นต์คลินิกที่น่าสนใจ สิ่งนี้จะช่วยให้คลินิก ” ดู #มีความน่าเชื่อถือ ” และสามารถ #ปิดยอดขาย ได้ง่ายๆ เฉพาะฉะนั้น หันมาให้ความสนใจการ ” Branding ” ให้เยอะ ๆ เพราะสิ่งนี้แหละ ที่จะช่วยให้ธุรกิจคลินิกเสริมความของคุณ ” เหนือกว่าคู่แข่ง ” ───── »◦✿◦« ───── ➣ #สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างตัว คุณหมอ, เจ้าหน้าที่ในคลินิกความงาม กับ ผู้เข้ารับบริการหรือลูกค้า การมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า/ผู้ใช้บริการนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทุกธุรกิจ ” ควรมี ” การใส่ใจ การถามไถ่ถึงการบริการ และ ให้บริการหลังการขาย เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะสร้าง ” ความมั่นใจ ” และ ” ความน่าเชื่อถือ ” ให้กับลูกค้า/ผู้ใช้บริการได้ ยิ่งใส่ใจ ยิ่งให้บริการที่ดี ยิ่งได้รับ Feedback ที่ดีกลับมา ควรใส่ใจลูกค้า/ผู้ให้บริการ อยู่เสมอ ควรรับฟัง ยอมรับข้อติเตียน และนำทั้งหมดกลับมาแก้ไขและพัฒนาอยู่เสมอ ───── »◦✿◦« ───── ➣ #เป็นที่รู้จัก ของบุคคลทั่วไปที่ไม่เคยใช้บริการ ให้เข้ามาใช้บริการ ความวิเศษของการทำ Branding นั้น สามารถ #ดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ให้เข้ามาใช้บริการได้นะ ไม่ว่าจะเป็นการทำคอนเทนต์ลงบนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, IG, Tiktok ฯลฯ นี้ก็สามารถสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้ โดยที่คุณแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเยอะแยะเลย เพียงแค่ ทำ – โพสต์ – แชร์ แค่นี้เอง ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว ยิ่งทำคอนเทนต์ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในช่วงเวลานั้น หากนำมาปรับให้เข้ากับรูปแบบของธุรกิจคุณได้ ยังไงก็ปัง ───── »◦✿◦« ───── ➣ ทำให้ลูกค้าเก่า #มั่นใจ และ #กลับมาใช้บริการ อีกครั้ง การมี “บริการหลังการขายที่ดี” ก็สามารถช่วยให้ลูกค้าเก่ากลับมาใช้บริการอีกครั้งได้นะ นอกจากเรื่องการบริการแล้ว ” ความใส่ใจ ” และ ” รู้จักลูกค้า ” ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับทั้งลูกค้าเก่า – ใหม่ ได้เล่นกัน เพราะการให้บริการไม่ใช่เพียงแค่ให้แล้วจบไปเท่านั้น ต้องใส่ใจให้มาก ๆ เพราะลูกค้านี่แหละคือ ( Key Man ) สำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโต และ อยู่ต่อไปได้ ───── »◦✿◦« ───── ➣ ทำให้คลินิกเป็นที่ ” โดดเด่น ” และ ” น่าจดจำ ” การที่จะทำให้ธุรกิจ ” โดดเด่น ” และread more

อยากทำธุรกิจให้ปัง! อย่ามองข้าม UGC (User-Generated Content) 

อยากทำธุรกิจให้ปัง!  อย่ามองข้าม UGC (User-Generated Content)            User-Generated Content (UGC) คือ การสร้างเนื้อหาหรือ Content โดยผู้ใช้ หรือผู้ติดตาม เเล้วนำมาคอนเทนต์เหล่านั้นมาเผยเเพร่ไว้บนพื้นที่ของแบรนด์ โดยเนื้อหาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแบรนด์ เเละสินค้าของเเบรนด์โดยตรง ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบที่ใช้เป็น ภาพถ่าย, คลิปวิดีโอ รวมไปถึงการเขียนบล็อกที่พูดถึงแบรนด์ ก็ถือว่าเป็น UGC เช่นกันค่ะ     User-Generated Content (UGC) สามารถเเบ่งออกเป็น 5 ส่วน คือ . . . 1. เนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย (Social Media Content) ส่วนใหญ่จะเป็นการที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายแชร์โพสต์มาอีกต่อหนึ่ง หรือสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับแบรนด์ขึ้นมาเองก็ได้ ซึ่งอาจจะโพสต์ภาพ วิดีโอ หรือข้อความก็ได้ 2. รีวิวจากกลุ่มผู้ใช้งานจริง (Reviews and Testimonials) รีวิวจากลูกค้า หรือคำแนะนำจากกลุ่มผู้ใช้งานจริงที่พึงพอใจในการใช้สินค้า เพื่อเเสดงถึงการยืนยันถึงประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะเป็นการเขียนรีวิวบนเฟสบุ๊ค หรือเขียนรีวิวเกี่ยวกับแบรนด์ในเว็บไซต์อื่นๆ เช่น รีวิวบน Google, Pantip, Wongnai เเละ Twitter เป็นต้น 3. บล็อกโพสต์ (Blog Posts) ในส่วนของ Blog Post ที่มีลูกค้าเข้าไปเขียนรีวิวที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณ ก็ถือว่าเป็น UGC เช่นกันค่ะ แต่อย่าลืมว่าจะต้องไม่ใช้เนื้อหาที่ถูกจ้างให้ทำขึ้นมานะคะ 4. วิดีโอ (Video Content) ไม่ว่าจะเป็น Ig story , วิดีโอบนเฟสบุ๊ค, หรือ การ Live สด ที่มักจะเป็นเป็นเนื้อหาที่ลูกค้าเต็มใจหรือสนใจถ่ายทำขึ้นมาเองเพื่อพูดเกี่ยวกับเเบรนด์นั้น ๆ 5. ฟอรัม (Forums) ยกตัวอย่างที่เห็นภาพได้อย่าชัดเจน เช่น การที่ลูกค้าไปตั้งคำถามในกระทู้พันทิป ซึ่งอาจมาสอบถามเกี่ยวกับร้าน หรือเเบรนด์ในฟอรั่มต่าง ๆ ซึ่งมักจะเป็นการถาม-ตอบ และคอมเมนต์พูดคุยกันระหว่างผู้ใช้งานด้วยกันเอง 6. กรณีศึกษา (Case Studies) คือการบอกเล่าเรื่องราว หรือประสบการณ์ของลูกค้าที่มีต่อเเบรนด์ว่าใช้งานเป็นอย่างไร ตอบโจทย์ผู้ใช้เเบบไหน ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวสามารถช่วยเสริมจุดเด่นให้เเบรนด์ เเละช่วยดึงดูดว่าที่ลูกค้าใหม่ให้มีความกล้าที่จะเลือกเเบรนด์ของเราได้นั่นเองค่ะ   ข้อดีของการใช้ User-Generated Content ยกระดับความน่าเชื่อถือ (Authenticity) เพราะการที่ผู้บริโภคเป็นคนสร้างคอนเทนต์ต่าง ๆ ขึ้นมาเองนั้น ทำให้ผู้บริโภคอื่น ๆ ไว้ใจ เพราะรู้สึกว่าการรีวิวหรือคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่มาจากผู้ใช้จริงนั้นมีความจริงใจมากกว่าการที่แบรนด์ทำโฆษณาเพื่อโปรโมตสินค้า นั่นจึงทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกเชื่อถือ และเชื่อมั่นในแบรนด์มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการขายสินค้า (Increase income and sales) จากรายงานของ Nielson Global พบว่าผู้บริโภค 42% เชื่อคำรีวิวและคำแนะนำของ UGC มากกว่าจากแบรนด์ และทำให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นหาก UGC เป็นไปในแนวทางที่ดี การมีส่วนร่วม (Engagement) การที่ผู้บริโภคได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์จะช่วยให้เเบรนด์เป็นที่น่าประทับใจ เเละเป็นที่น่าจดจำ (Memorable) เเก่ลูกค้า ซึ่งอาจทำให้ลู้ค้ารู้สึกประทับใจ เเละนำไปบอกต่อ ๆ กัน ช่วยให้เเบรนด์ได้ฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น ช่วยให้ผู้คนเข้าใจแบรนด์มากยิ่งขึ้น (Brand awareness) โดยปกติเเบรนด์จะมีจุดเด่นของตัวเองอยู่เเล้ว ดังนั้นการที่เเบรนด์ถูกนำไปพูดถึงโดยกลุ่มลูกค้า ก็จะสามารถช่วยตอกย้ำความเป็นเเบรนด์เเละ เป็นตัวช่วยช่วยยืนยันว่าเเบรนด์มีจุดเด่นเเบบนั้นจริงๆ           เมื่อได้ทำความรู้จักกับ UGC (User-Generated Content) มาประมาณหนึ่งเเล้ว หลายๆ คน คงอยากเริ่มลองนำไปใช้กันเเล้วใช่ไหมล่ะค่ะ เเต่เเล้วจะเริ่มต้นยังไงดี? วันนี้ Crosswalk Agency เรามีคำตอบมาให้ทุกคนกันเเล้วค่ะ สร้างแฮชแท็ก (Hashtag) ประจำแบรนด์ของคุณ อาจเป็นคำสั้นๆ ง่ายต่อการจดจำ เช่น #ชื่อเเบรนด์ หรือ #ชื้อสินค้าที่เเบรนด์ของคุณตั้งขึ้น เป็นต้น เสิร์ชหา UGC จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ เช่นread more

ยกระดับการตลาด เพิ่มโอกาสการขาย ด้วยกลยุทธ์ Contextual Marketing

ยกระดับการตลาด เพิ่มโอกาสการขาย ด้วยกลยุทธ์ Contextual Marketing           หนึ่งในเเนวคิดทางการตลาด ที่กำลังถูดพูดถึงมากที่สุดใน Marketing 5.0 นั่นก็คือ Contextual Marketing ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของการตลาดแบบ Inbound Marketing หรือ ตลาดแบบดึงดูด ด้วยการวิเคราะห์ และนำเสนอคอนเทนต์ ที่เป็นที่ต้องการของลูกค้า การตลาดในรูปเเบบนี้ จึงถือเป็นเเนวคิดที่น่าสนใจสำหรับนักการตลาดเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าได้ดี วันนี้ Crosswalk Agency เราเลยอยากจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Contextual Marketing กันค่ะ           Contextual Marketing คือ การศึกษาข้อมูล หรือบริบทรอบตัวของผู้คน เเล้วนำมาวางแผนสร้างสรรค์แคมเปญทางการตลาด โดยการนำเสนอคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับคนๆ นั้นในรูปแบบต่างๆ และสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย หรือลูกค้า เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่า เราเข้าอกเข้าใจถึงความต้องการของพวกเค้า ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ สามารถส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อสินค้าของเราในที่สุด เเต่ทั้งนี้เราก็ควรเคารพความเป็นส่วนตัว (Privacy) ของลูกค้าด้วย เพราะการทำ Contextual Marketing จำเป็นต้องใช้ข้อมูลบริบทของลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลการค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์, ระยะเวลาในการดูสินค้า, การกรอกข้อมูลที่อยู่ เบอร์โทร บนเว็บไซต์ที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ เป็นต้น ประโยชน์ของ Contextual Marketing ใช้ต้นทุนถูกกว่าการทำการตลาดในรูปแบบอื่นๆ ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดี เเละความพึงพอใจให้กับลูกค้า สามารถกำหนดเป้าหมาย เเละช่วงเวลาในการทำแคมเปญทางการตลาดได้อย่างชัดเจน ไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับข้อมูลข่าวสารมากจนเกินไป เพราะวิเคราะห์เป็นอย่างดีแล้วว่า อะไรที่ตอบโจทย์กับลูกค้าที่สุด เป็นตัวช่วยดึงสินค้าให้กลับมาอยู่ในความสนใจของลูกค้าผ่านแคมเปญใหม่ๆ ได้เสมอ            สรุปง่ายๆ Contextual Marketing เป็นการหยิบ “บริบทรอบตัวลูกค้า” เเบบ Real Time เพื่อนำเสนอสิ่งที่ใช่สำหรับลูกค้ามากที่สุด โดยผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลว่าลูกค้าใช้เครื่องมืออะไร? เเละกำลังสนใจอะไรอยู่? เเล้วก็ใช้ข้อมูลเหล่านั้นสื่อสารกับลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการ เเละเเสดงถึงความเข้าอกเข้าใจ เท่านี้ก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการติดสินใจซื้อของลูกค้าเเล้วค่ะ           อย่าลืมนำข้อมูลดีๆ ไปปรับใช้กับธุรกิจกันนะคะ หากคุณต้องการที่ปรึกษา และวางแผนการตลาดออนไลน์ ให้โดดเด่นเป็นที่รู้จัก “Crosswalk Agency” เราพร้อมเป็นผู้ร่วมวางแผนธุรกิจ เเละผลักดันธุรกิจของคุณ ให้ทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยทีมงานการตลาด ที่มีประสบการณ์ จากแบรนด์ระดับประเทศมากมาย อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด เเหล่งข้อมูลอ้างอิง: Popticles EverydayMarketing

กลยุทธ์การตลาดเเบบเเฝง (Ambush Marketing)

Ambush Marketing กลยุทธ์การตลาดเเบบเเฝง           นักการตลาดยิ่งรู้กลยุทธ์ในการทำการตลาดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถนำไปปรับใช้กับการทำ การตลาดได้ดียิ่งมากขึ้น ดังนั้นการศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำกลยุทธ์ทางการตลาด จึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะจะได้สามารถนำกลยุทธ์เหล่านั้นมาปรับใช้กับธุรกิจได้ วันนี้ Crosswalk Agency เลยอยากจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับกลยุทธ์การตลาดเเบบเเฝง (Ambush Marketing) เเอบขายเเบบเนียนๆ ก็เซียนได้! ว่าเเต่กลยุทธ์นี้คืออะไร? เเละมีข้อดีอย่างไร? เราไปศึกษาพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ Ambush marketing คืออะไร ? Ambush marketing หรือ การตลาดแบบแฝง คือ รูปแบบของกิจกรรมการตลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อแบรนด์หนึ่งได้เป็นสปอนเซอร์หลักของงานกีฬาใดกีฬาหนึ่ง อย่างเป็นทางการแล้วมีแบรนด์ของคู่แข่งก็จะต้องพยายามทำตัวเอง มีความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับกีฬาดังกล่าวด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้จ่ายค่าเป็นสปอนเซอร์แต่อย่างใด        การทำ Ambush Marketing หรือ การตลาดแบบแฝงนั้น คุณไม่จำเป็นต้องเข้าเป็น สปอนเซอร์หลัก และเสียเงินจำนวนมาก เพียงคุณเข้าสนับสนุนกิจกรรมใด กิจกรรมหนึ่ง และมีโลโก้แฝงอยู่ในทุกๆ กิจกรรมที่สนับสนุน เท่านี้ก็เหมือนเป็นการพรีเซนต์เเบรนด์ของคุณเเบบอ้อมๆ เเล้วนะคะ ยกตัวอย่างการใช้กลยุทธ์ Ambush Marketing           ในกีฬาโอลิมปิค Fuji Film อาจให้การสนับสนุนหลัก แต่เครื่องดื่มเกลือแร่ชนิดหนึ่ง ให้การสนับสนุน กีฬาบาสเก็ตบอล ทีมชาติสหรัฐอเมริกา โดยมีโลโก้ติดตามข้างสนาม หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าของนักกีฬา ทำให้ ผู้ชมรอบสนาม เกิดการรับรู้ในแบรนด์ เสพแบรนด์ต่าง ๆ โดยไม่รู้ตัว หรือแม้กระทั่งหากผู้ชมรอบสนามกระหายน้ำ และเกิดสังเกตุเห็น แบรนด์เครื่องดื่มเกลือแร่ รอบสนาม ผู้ชมรอบสนามอาจจะอยากดื่มเครื่องดื่มแบรนด์นี้ได้ ซึ่งน่าตกใจคือ กว่า 85% รอบสนามมีโอกาสจะดื่มเครื่องดื่มดังกล่าว! ข้อดีของการใช้กลยุทธ์ Ambush Marketing           ข้อดีของการใช้กลยุทธ์นี้ก็คือ ใช้ค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า เพราะคุณจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเพื่อไปเป็นสปอนเซอร์ของ Event ต่างๆ แต่เราเพียงใช้งบประมาณที่น้อยกว่าในการเป็นส่วนหนึ่งของ Event นั้นๆ ช่วยให้เราสามารถเข้าไปอยู่ในกระแสที่คนกำลังสนใจต่อกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งถือป็นโอกาสที่แบรนด์ ของคุณสามารถสร้างการรับรู้ไปพร้อมๆ กับแบรนด์ใหญ่ๆ ได้           เมื่ออ่านบทความจบเเล้ว ก็อย่าลืมนำข้อมูลดีๆ เหล่านี้ไปปรับใช้กับธุรกิจได้นะคะ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดของการทำการตลาด ก็คือการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์เเละน่าสนใจ เพื่อช่วยดึงดูดใจทั้งลูกเก่า เเละลูกค้าใหม่ให้เกิดความสนใจเเบรนด์นะคะ           หากคุณต้องการที่ปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ให้โดดเด่นเป็นที่รู้จัก “Crosswalk Agency” เราพร้อมเป็นผู้ร่วมวางแผนธุรกิจ เเละผลักดันธุรกิจของคุณ ให้ทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยทีมงานการตลาดที่มีประสบการณ์จากแบรนด์ระดับประเทศมากมาย อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด เเหล่งข้อมูลอ้างอิง: www.adaddictth.com www.wordstream.com  

การตลาดออนไลน์สำหรับร้านอาหาร

การตลาดออนไลน์สำหรับร้านอาหาร            ในปัจจุบันสถานการณ์โควิด ทำให้ธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาเลือกซื้อสินค้าเเละบริการผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่าออฟไลน์ เพราะมีความสะดวกเเละรวดเร็วกว่า ดังนั้นการขายเเบบออฟไลน์เพียงอย่างเดียวก็คงไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ธุรกิจร้านอาหารหลาย ๆ เจ้าจึงเริ่มปรับตัวเข้ามาทำการตลาดออนไลน์กันมากขึ้น เพื่อพร้อมรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เเต่เเล้วเหล่าร้านอาหารจะเริ่มทำการตลาดยังไงดี? วันนี้ Crosswalk Agency เรามีเทคนิคการตลาดออนไลน์สำหรับร้านค้ามาฝากทุกคนกัน ว่าเเต่จะมีอะไรบ้าง? ไปดูกันเลยค่ะ 1. เปิดหน้าร้านออนไลน์           สร้างโปรไฟล์ของร้านอาหารของคุณ  ผ่าน Social Media ต่างๆ เช่น Facebook Page, Instagram ที่ช่วยโปรโมทร้านของคุณผ่าน Content และสร้าง Google My Business ที่แสดงหมุดแผนที่ เมื่อมีคนค้นหาร้านของคุณ 2. เมื่อมีหน้าร้านออนไลน์ แล้วอย่าลืมสร้าง Content Marketing ด้วยนะ !           การโปรโมทร้านอาหารอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ หลักในการนำเสนอเมนูที่น่ารับประทานหรือร้านอาหารของคุณ จะเน้นการใช้สื่อรูปภาพ หรือวีดีโอเป็นสำคัญ โดยวีดีโอสามารถเพิ่มอัตราการแชร์มากกว่ารูปภาพถึง 100% ช่วยดึงดูดผู้ชมเป็นอย่างดี และกระตุ้นการซื้อได้ง่าย การนำเสนอคอนเทนต์ทำได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Review เมนูใหม่ ทำโปรโมชั่น Behind the Scenes การทำเมนูนั้นๆ บรรยากาศของร้าน 3. การดูแลเพจ และ ตอบคอมเมนต์ผู้ที่สนใจ การให้ข้อมูลกับผู้ที่สนใจอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ทันที การจัดการกับคอมเมนต์เชิงลบกับแบรนด์ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างรวดเร็ว แบรนด์ควรออกมาสื่อสารกับผู้บริโภคเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงลบที่เกิดขึ้น 4. การโฆษณาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยโปรโมทร้านอาหารได้เป็นอย่างดี           โฆษณาผ่าน Facebook Page ที่เป็นแพลตฟอร์มยอดฮิตของคนทุกเพศทุกวัย หรือ Instagram แอพสุดชิคสำหรับวัยรุ่นที่เน้นโปรโมทรูปภาพและวีดีโอเป็นหลัก สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างละเอียดเจาะจง และกำหนดพื้นที่ของกลุ่มเป้าหมายที่อยู่กับใกล้ร้านอาหารของคุณได้ผ่านการนำเสนอแบบรูปภาพหรือวิดีโอ และข้อความ สร้างการรับรู้และการจดจำ รวมไปถึงการวัดผลที่มอนิเตอร์ได้ง่าย สำหรับร้านที่มีการขายผ่าน Delivery App สามารถสร้างโฆษณา และทำให้ลูกค้าที่เห็น ไปซื้อผ่าน Delivery App ได้อีกด้วย! 5. ใช้ข้อมูลจากลูกค้าให้เป็นประโยชน์           การใช้เครื่องมือทางออนไลน์สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้เป็นอย่างดี และสามารถนำข้อมูลนั้นไปพัฒนาทางการตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นเมนูที่ลูกค้าให้ความสนใจมากที่สุด ลูกค้าต้องการการพัฒนาหรืออยากให้มีเมนูใหม่ๆ แบบไหน ทางเราสามารถจัดการและกำหนดทิศทางของธุรกิจในด้านการตลาดต่อไปได้ รวมถึงด้านผลิตภัณฑ์หรือการบริการอื่นๆ เป็นต้น อย่าลืมนำเทคนิค “การตลาดออนไลน์สำหรับร้านอาหาร” จาก Crosswalk Agency ไปลองปรับใช้กับธุรกิจของคุณนะคะ           สนใจวางเเผนธุรกิจของคุณให้โดดเด่น เป็นที่รู้จัก ให้ Crosswalk Agency เป็นผู้ร่วมวางแผนเเละผลักดันธุรกิจของคุณ ให้สามารถทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยทีมการตลาดคุณภาพที่มีประสบการณ์จากแบรนด์ระดับประเทศมากมาย อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด  

5 Tips สร้าง Banner Ads  ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย

5 Tips สร้าง Banner Ads ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย          Banner Ads  คือ การโฆษณาบนช่องทาง Google Ads ที่ลูกค้าจะสามารถเห็นได้ตามหน้าเว็บไซต์ สังเกตง่ายๆ จะมีลักษณะเหมือนกับแผ่นป้าย ที่ทำให้ธุรกิจสามารถสื่อข้อความ ที่ต้องการจะบอกเล่าออกมาได้ ผ่านรูปภาพ และตัวอักษร ซึ่งหลายๆ ครั้งที่เเบนเนอร์เหล่านี้มักถูกเลื่อนผ่านไปเเบบไร้เยื่อใย นั่นก็อาจเป็นเพราะไม่น่าสนใจมากพอ เเต่เเล้วจะสร้างเเบนเนอร์อย่างไรให้ลูกค้าเกิดความสนใจ วันนี้ Crosswalk Agency เรามี “5 เทคนิค ในการออกเเบบ แบนเนอร์โฆษณา ให้โดนใจลูกค้า” มาฝากกันค่ะ ไปดูกันเลย   1. เลือกขนาดที่เหมาะสม  ขนาดของเเบนเนอร์ที่ดี มีดังนี้:  300×250 Pixel Medium Rectangle ถือว่าเป็นขนาดที่ดีที่สุดในการแสดงผล ทั้งบนมือถือและแท็บเลต เพราะจะอยู่ด้านบนและมีสัดส่วน 40% ของภาพรวมทั้งหมด   728×90 Pixel Leaderboard เหมาะกับโฆษณาที่อยู่ด้านบนของหน้าจอที่เหมาะเลื่อนตามลงมาด้านล่าง   320×50 Pixel Mpbile Leaderboard เหมาะกับรูปแบบโฆษณาผ่านมือถือ   160×600 Pixel Wide Skyscraper เหมาะกับการทำโฆษณาแนวยาว มักจะอยู่ด้านข้างของเว็บไซต์   2. เลือกพื้นหลังให้เหมาะสม        ภาพพื้นหลังของ Banner Ads ควรเลือกให้เหมาะกับสีฟ้อนต์ เพราะจะช่วยเสริมให้ตัวหนังสือเห็นชัด อ่านสบายตา เเละยังช่วยเพิ่มการจดจำด้วยนะคะ  เเละที่สำคัญจะต้องสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนว่าต้องการขายสินค้าอะไร ซึ่งการเลือกใช้พื้นหลังก็จพมีอยู่ 2 เเบบหลักๆ นั่นก็คือการใช้ภาพพื้นหลังสีทึบ เเละการใช้รูปภาพเป็นภาพพื้นหลัง  การใช้ภาพพื้นหลังสีทึบ  การใช้พื้นหลังสีทึบในการออกแบบ Banner Ads จะช่วยให้สารที่เราต้องการจะสื่ออกไปมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เช่น พวกตัวหนังสือภายในภาพ เเละองค์ประกอบต่างๆ ของตัวสินค้า ทำให้ลูกค้าสังเกตได้ง่าย ซื้อพื้นหลังเเบบนี้จึงเหมาะกับสินค้าที่จำเป็นต้องมีรายละเอียดหรือตัวหนังสือเยอะๆ นั่นเอง การใช้รูปภาพเป็นภาพพื้นหลัง  สำหรับการออกแบบ Banner Ads ที่ใช้รูปภาพเพื่อเป็นพื้นหลัง จะต้องเป็นโฆษณาของธุรกิจที่ไม่มีสินค้าเป็นชิ้นหรือสินค้าที่ต้องการรายละเอียด ตัวอักษรภายในภาพมากเกินไปเพราะอาจทำให้ลายตา อ่านยาก เเละไม่น่าสนใจ ดังนั้นการใช้ภาพเพื่อเป็นพื้นหลังจึงเหมาะกับการออกเเบบเเบนเนอร์โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับ งานบริการ สถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น 3. หัวเรื่อง ( Headline) ต้องน่าสนใจ           โดยหัวเรื่องอาจใช้ข้อความสั้น ๆ ที่มีความกระชับได้ใจความและมีความครีเอทีฟ สามารถดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายได้ เเต่ก็ยังคงความชัดเจนว่าเราต้องการสื่อสารอะไรลงไปในภาพ เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจว่าเราจะสื่ออะไรเเละเกิดความสนใจในตัวสินค้านั้นๆ อย่างการใช้คำกริยาขึ้นต้น เช่น ‘จองด่วน’ ‘อย่ารอช้า’ ‘ลดให้เลยกว่าครึ่ง’ หรืออาจใช้คีย์เวิร์ด ที่บ่งบอกถึงสรรพคุณเเละประโยชน์ของตัวสินค้า เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความสนใจ อยากรู้อยากเห็น เเละกดคลิกตัวโฆษณาในที่สุด 4. ใช้ข้อความย่อย (Sub-heading)        การใช้ข้อความย่อยหรือ Sub-heading ไม่ใช่เรื่องเเย่เสมอไป เพราะในบางครั้งเพียงแค่หัวข้อ กับ Call to Action อาจจะเล่าเรื่องราวได้ไม่เพียงพอ ดังนั้นการเพิ่มข้อมูลส่วนเล็กๆ เพิ่มเข้าไปใต้หัวเรื่องใหญ่ ก็สามารถช่วยให้ลูกค้าเข้าใจสินค้าเเละเกิดความอยากซื้อมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การออกแบบ Banner Ads โฆษณาจากแบรนด์ “Eatfresh” ที่มีสินค้าเป็นอาหาร ได้มีการใส่คำพาดหัวที่เล่าถึงความน่ารับประทาน และ ความอร่อย นอกจากนี้ยังมีการใช้ Sub-headings “Serve Hot in 30 Minutes” ที่เป็นตัวช่วยอธิบายคุณค่าเพิ่มเติมในด้านบริการที่ทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกอยากทานมากขึ้น 5. ออกแบบ Landing Page ให้สอดคล้องกับโฆษณา           การออกแบบ Landing Page ให้สอดคล้องกับโฆษณา Banner Ads ที่เรายิงไป สามารถช่วยให้โฆษณาของเรามีผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้า ที่เมื่อกดเข้ามาแล้วคงไม่อยากจะเสียเวลาหาสิ่งที่ต้องการอีกครั้ง ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือก Landing Pageread more

การตลาดออนไลน์ สำหรับสินค้าค้าปลีก (Retail Marketing)

การตลาดออนไลน์ สำหรับสินค้าค้าปลีก (Retail Marketing)                    การทำการตลาดออนไลน์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับร้านค้าปลีกในตอนนี้ เพราะสามารถช่วยให้ร้านค้าของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการปัจจุบัน ที่พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่เริ่มหันไปใช้เวลากับ Social Media และ Smartphone มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการพาธุรกิจของคุณเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์ ย่อมเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุดในการเพิ่มลูกค้า เเต่จะเริ่มต้นอย่างไรดี? วันนี้ Crosswalk Agency เรามีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการทำการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าปลีกมาฝากกันค่ะ 1. เว็บไซต์ต้องมี และระบบ E-Commerce ต้องดี หรือ Platform สำหรับเปิดหน้าร้านออนไลน์           อยากเปิดร้านออนไลน์ คุณจำเป็นต้องมีพื้นที่ในการนำเสนอร้าน ดังนั้นอย่าลืมเลือก Platform ที่จะเปิดร้าน หรือเว็บไซต์ในการทำ E-Commerce เพื่อให้ข้อมูลลูกค้าและสร้างการขายได้ สิ่งสำคัญในการเลือก Platform คือต้องเลือกให้เหมาะสมกับสินค้าหรือแบรนด์ของคุณ 2. การพาตัวเองไปให้ลูกค้าเห็นผ่าน Google โดยใช้ Google Ads           พฤติกรรมคนส่วนใหญ่ มักจะเสิร์ชสิ่งที่ต้องการคำตอบใน Search Engine ที่นิยมก็คือ Google.com ดังนั้นการพาธุรกิจเข้าไปอยู่ในที่ที่ลูกค้ามองหา ก็จะสามารถช่วยเพิ่มการจดจำแบรนด์ และการตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว Google Ads ยังมีหลายแบบ เพื่อช่วยตอบโจทย์การโปรโมทแบรนด์ของคุณ โดยรูปแบบการโฆษณาที่มองข้ามไม่ได้เลย คือ Google Search การโฆษณาแบบคำค้นหา  Google Display Network การโฆษณาแบบรูปภาพแบนเนอร์ 3. SEO (Search Engine Optimization)           การทำ SEO คือการทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับแรกๆ ใน Search Engine อย่าง Google เป็นวิธีการโปรโมทสินค้าหรือเว็บไซต์ ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว ช่วยในการเพิ่มการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี แต่ค่อนข้างต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างอันดับ  4. นำเสนอสินค้าอย่างต่อเนื่องและหลากหลายรูปแบบผ่าน Social Media Marketing           Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter, LINE OA หรือแอพพลิเคชั่นสุดฮิตมาใหม่อย่าง TikTok ก็ช่วยโปรโมทสินค้าและใช้ในการติดต่อซื้อขายได้อย่างดี เป็นกลยุทธ์ที่หลายๆแบรนด์ไม่พลาด เพราะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายใช้ต้นทุนในการจัดการต่ำและวัดผลได้อย่างดี เนื่องจากสรุปผลจากสถิติและเลือกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นทางประชากรศาสตร์ เพศ, อายุ, พื้นที่หรือในด้านไลฟ์สไตล์ ความสนใจของลูกค้า การโปรโมทสินค้าผ่านทางนี้ช่วยดึงดูดผู้ที่คาดหวังจะเป็นลูกค้าของเราได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีการชักจูงผ่านรูปภาพ หรือวีดีโอ ที่น่าสนใจมากกว่าข้อความทั่วไป 5. มีช่องทางแล้ว อย่าลืมนำเสนอสินค้าด้วย Content Marketing           การนำเสนอสื่อ ต้องประกอบไปด้วย ข้อความและรูปภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการสื่อไปถึงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง, ภาพนิ่งสไลด์(Carousel), VDO, เสียง Podcast (คลิกที่นี่ – เพื่ออ่านการอออกแบบสื่อโฆษณาโฆษณาทำอย่างไรได้บ้าง) เพื่อดึงดูดและชักจูงคนเข้ามารับชมจนเกิดการซื้อ หรือเป็นลูกค้าของแบรนด์เราได้ หากคุณเป็นหนึ่งในธุรกิจร้านค้าปลีกที่ต้องการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลง ให้เข้ากับกับยุค New Normal ที่ทุกคนต่างอยู่บนโลกออนไลน์ คุณจำเป็นจะต้องเริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing เพื่อเพิ่มช่องทางใหม่ๆ ในการสร้างยอดขายเเละเพิ่มลูกค้าให้กับธุรกิจของคุณ ดังนั้นหากคุณต้องการที่ปรึกษาเเละช่วยวางเเผนการตลาดออนไลน์ ก็สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดอย่างเรา Crosswalk Agency ได้นะคะ ต้องการวางเเผนธุรกิจให้โดดเด่น เป็นที่รู้จัก ให้ Crosswalk Agency เป็นผู้ร่วมวางแผนธุรกิจ เเละผลักดันธุรกิจของคุณให้สามารถทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยทีมงานการตลาด ที่มีประสบการณ์จากแบรนด์ระดับประเทศมากมาย อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัดread more

Marketing Automation – กลยุทธ์ทางการตลาดแนวใหม่ แบบอัตโนมัติ

Marketing Automation กลยุทธ์ทางการตลาดแนวใหม่ แบบอัตโนมัติ            กลยุทธ์ทางการตลาดมีมากมายหลายประเภท แต่จะมีสักกี่ประเภทที่เหมาะสมและได้ผลดีกับธุรกิจ? หลายปีที่ผ่านมาการทำการตลาดออนไลน์อาจจะยังไม่ซับซ้อนและเข้มข้นเท่าในปัจจุบันมากนัก เพราะในปัจจุบันมีผู้หันมาทำธุรกิจด้าน Online Marketing มากขึ้น ทำให้การทำการตลาดแบบเดิม ๆ อาจไม่สามารถตอบโจทย์ได้อีกต่อไป ! ดังนั้นนักการตลาดที่ดี ควรต้องรู้จักติดตามข้อมูลข่าวสารให้ได้มากที่สุดเพื่อจับเทรนด์การทำการตลาดใหม่ ๆ การตลาดในยุคดิจิทัลไม่ใช่แค่การทำให้คนรู้จักสินค้าเราเท่านั้น หากแต่ต้องเป็น  . . . การนำเสนอสินค้าที่ตรงใจลูกค้า เสนอได้อย่างถูกที่ถูกเวลา และรวดเร็วทันกระเเส         โดยเฉพาะในปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่ใช้ “โทรศัพท์มือถือ” ในการดำเนินการทุกอย่างจนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ดังนั้น ธุรกิจในยุคปัจจุบันจึงต้องพัฒนาสินค้าและบริการให้รองรับการใช้งานบนมือถือด้วย            “Marketing Automation” สามารถแปลตรงตัวได้ว่า “การตลาดอัตโนมัติ” พูดง่ายๆ ก็คือเครื่องมือที่จะช่วยให้เราประกอบกิจกรรมทางการตลาดหลาย ๆ ส่วนได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยประหยัดทั้งแรงงาน เวลา และงบประมาณที่เราต้องลงทุนไป อันที่จริงแล้ว Marketing Automation โดยส่วนมากถูกนำมาใช้ในกลุ่มเว็บไซต์ E-commerce เช่น Amazon จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ภายในเว็บของ Amazon จะปรากฎเนื้อหาในเว็บที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราสนใจ หรือสิ่งที่เราเคยค้นหาภายในเว็บไซต์จากในอดีต และ Wishlist ที่เคยป้อนเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะออกจากเว็บไซต์ไปแล้ว แต่ทาง Amazon ยังคงส่ง E-mail แนะนำสินค้า โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่คุณเคยป้อนในเว็บไซต์ การทำการตลาดแบบนี้ไม่ได้เกิดจากบุคคล แต่เกิดจากระบบที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า และ Algorithm เพื่อวิเคราะห์ และเรียนรู้ผู้เข้าใช้เว็บไซต์เป็นรายบุคคล   แล้วการทำ Marketing Automation ดียังไง? 1. ช่วยประหยัดเวลา :            สามารถตั้งเวลาในการทำ Campaign การตลาดหลาย ๆ Campaign ไว้ล่วงหน้าได้ และจะปล่อย Campaign เหล่านี้ ตามการตั้งค่าต่าง ๆ ที่คุณตั้งไว้ช่วยให้คุณสามารถประหยัดเวลาในการดูแล Campaign ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ 2. เพิ่มประสิทธิภาพ :           สามารถสร้างการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และต่อเนื่องได้ตลอดเวลา ต่างจากในอดีตที่ต้องรอผล หรือทำการคุยปรึกษาระหว่างทีม ด้วยระบบ Marketing Automation จะมีระบบที่คอยจัดการความต้องการของคุณได้อย่างทันที ทำให้ process การทำงาน, เวลา และแรงงานในการทำงานนั้นลด แถมยังช่วยประหยัดรายจ่ายเพิ่มอีกด้วย 3. ทำ CRM ในตัว :           สามารถทำการดูแลลูกค้า และดูแลคนที่จะมีโอกาสเป็นลูกค้า ไม่ให้หลุดหายไปไหน แม้ว่าจะไม่สามารถทำการขายได้ในช่วงการปฏิสัมพันธ์แรก ๆ แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ยังมีโอกาสที่จะกลายเป็นลูกค้าได้ในอนาคต 4. เก็บข้อมูลได้ :           Marketing Automation สามารถเก็บข้อมูลและทำให้รู้ถึง Touchpoint ต่าง ๆ ของลูกค้า หรือ Customer ได้ ทำให้สามารถมีข้อมูลมาสร้าง insight ทางการตลาด หรือปรับปรุงข้อมูลทางการตลาดในการทำ Campaign หรือการสื่อสารทางการตลาดได้ต่อไปอีกด้วย 5. บริหารจัดการช่องทางสื่อสารต่าง ๆ :           การตลาดในยุคใหม่มีเครื่องมือทาง digital มากมาย ทั้งสื่อ Digital ต่างๆ ที่นักการตลาดต้องดูเเล ซึ่ง Marketing Automation สามารถช่วยเเบ่งเบาภาระในการบริหารจัดการช่องทางสื่อ ที่มีมากมายเหล่านั้น ช่วยให้ทำการตลาดได้อย่างเเม่นยำ ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา อีกด้วย 6. Consistencyread more

INFLUENCER VS KOL เลือกใช้อย่างไร ให้เหมาะสมกับเเบรนด์?

INFLUENCER VS KOL               เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงเคยได้ยินคำว่า Influencer กันมาบ้างแล้ว แล้วคำว่า KOL ล่ะคืออะไร? มีบทบาทหน้าที่อะไรบ้าง? หลาย ๆ ท่านอาจจะยังไม่รู้ความหมาย เเละ ความแตกต่าง อย่างลึกซึ้งของทั้งสองคำนี้มากนัก วันนี้ Crosswalk Agency จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับสองคำนี้กันว่า คืออะไร? และ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ? Influencer หรือ ผู้ที่มีอิทธิพลบนโลกแห่ง Social Media   Influencer คือ ผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเซียลมีเดีย เป็นบุคคลที่ทำคอนเทนต์ ไม่ว่าเป็นทาง Facebook, Instagram หรือ Youtube ยิ่งบุคคลนั้นมียอดผู้ติดตามเยอะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีอิทธิพลมากเท่านั้น ซึ่งในแต่ละคนจะมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันออกไปหากแบรนด์เลือกได้ถูกคนก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น KOL  (Key Opinion Leader) หรือ ผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิด   KOL ก็ถือเป็นผู้ที่มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์เช่นเดียวกัน แต่ KOL จะเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทำให้สิ่งที่นำเสนอออกมาจะดูมีน้ำหนัก น่าเชื่อถือ และมีอิทธิพลต่อผู้ติดตาม Key Opinion Leader (KOL) เเตกต่างกับ  Influencer  อย่างไร?   สำหรับ Influencer จะเน้นการนำเสนอที่หลากหลาย และไม่จำเพาะเจาะจง ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย แต่หากเป็น KOL (Key Opinion Leader) ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ จึงทำให้เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจเฉพาะด้านมากกว่า เนื่องจาก KOL คือผู้ที่มีความรู้เฉพาะด้าน ทำให้สามารถนำเสนอคอนเท้นต์ได้อย่างเจาะลึกในเรื่องนั้นๆ และมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ทำอย่างไรจึงจะเลือกใช้ Influencer Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ?   1. ระบุเป้าหมายของธุรกิจให้ชัดเจน อย่าเพียงแต่คิดว่า คุณจะใช้ Influencer Marketing เพราะใครๆ ก็ทำกัน แต่ต้องเคลียร์ให้ชัดก่อนว่า สิ่งที่ธุรกิจคุณต้องการคืออะไร อยากสร้าง Brand Awareness เเบบไหน? อยากให้สินค้าหรือแคมเปญได้รับการพูดถึงอย่างไร? แล้วลูกค้าของคุณคือคนกลุ่มไหน? ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ต้องเคลียร์ให้ชัดก่อนเริ่มขั้นตอนถัดไป 2. เลือก Influencer ที่ตอบโจทย์ การพิจารณา Influencer ที่สามารถพาธุรกิจคุณไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ หากโจทย์คือ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง คุณอาจต้องการ Macro-influencer หรือตัวแม่แห่งวงการ ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนทั่วไปในวงกว้างได้ แต่ถ้าธุรกิจของคุณเป็นสินค้า/บริการ สำหรับคนเฉพาะกลุ่ม (์Niche Market) ก็ควรใช้ Micro-influencer ที่อาจไม่ใช่เบอร์ใหญ่นัก แต่ก็มีความเกี่ยวพัน (relevance) และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งอาจทำกำไรให้ธุรกิจของคุณได้มากกว่า 3. ออกแบบแคมเปญที่สอดคล้องกับเป้าหมาย  Influencer สามารถช่วยธุรกิจของคุณได้หลากหลายทาง ทั้งการโพสต์ภาพโปรโมท หรือการรีวิวสินค้า ซึ่งอย่างหลังนั้นดูเหมือนว่าจะสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่า ดังนั้นลองพิจารณาว่ารูปแบบไหนที่เหมาะกับสินค้าและบริการของคุณมากที่สุด 4. ให้ความสำคัญกับการติดตามเเละวัดผล การติดตามแคมเปญอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ทำให้คุณเห็นผลลัพท์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถปรับกลยุทธ์ เพื่อสร้างผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ที่ดีที่สุดได้ ซึ่งการวัดความสำเร็จจากตัวเลขที่เกิดขึ้นจริง ถือเป็นความท้าทายสำหรับการทำ Influencer Marketing ในยุคนี้ เพราะฉะนั้น เราจึงอยากให้คุณลงทุนในเครื่องมือที่สามารถ Tracking ประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยให้คุณเห็นตัวเลขผลตอบแทน (ROI) ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น   อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด ? โทร : 097-919-2112 ? Line ID : @crosswalkagency ( มี @ นำหน้า ) หรือ Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketingread more

10 เทรนด์ Facebook ที่ควรรู้ก่อนปี 2021

หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่กำลังมองหาช่องทางการขยายตลาดบน Facebook อยู่ละก็… ห้ามพลาดกับบทความนี้เด็ดขาด เพราะเราได้รวบรวม และสรุปข้อมูลจาก Oberlo เกี่ยวกับ 10 เทรนด์ Facebook ที่คาดว่าจะมาแรงสุดๆ จนฉุดไม่อยู่ในปี 2021 1. การใช้งาน Facebook Live หนึ่งในเทรนด์สุดฮอตที่นิยมใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายการทางตลาด ซึ่งในปีที่ผ่านมามีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 26.8% เนื่องจากสถานการณ์จาก โควิด-19 และมีแนวโน้ม ที่จะเป็นเทรนด์ยอดนิยมในปี 2021 ที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน 2. การใช้เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) เพือสร้าง Ecosystem ปัจจุบันการเติบโตของตลาด Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีหลายโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่ และคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2021 เช่น แว่นตาอัฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี AR หรือแป้นพิมพ์เสมือนจริงที่ร่วมพัฒนากับ Logitech เป็นต้น 3. การสร้าง Video Content คอนเทนต์วีดีโอได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในปี 2020 แล้วเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันซึ่งคิดเป็น 17% ของเนื้อหาทั้งหมดบนเฟสบุ๊คที่ผู้คนชื่นชอบ 4. เทรนการสร้าง Group บน Facebook ปัจจุบันมีการสร้างกลุ่มใน Facebook มากกว่าสิบล้านกลุ่ม ซึ่งมีผู้ใช้มากถึง 1.4 พันล้านคนต่อเดือน ซึ่งในแต่ละกลุ่มก็จะดึงดูดผู้มีความชอบ หรือผู้มีความสนใจเฉพาะด้านที่แตกต่างกันออกไป เช่น กลุ่ม Digital Marketing, กลุ่มนักวาดภาพ, หรือกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ในด้านต่างๆ เป็นต้น คาดว่าในปี 2021 ที่จะถึงนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าการสร้าง Group ใน Facebook จะยังคงอยู่และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ 5. ส่งเสริม Online Shopping เนื่องจากการช็อปปิ้งออนไลน์บนเฟสบุ๊คกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทางเฟสบุ๊คจึงได้เปิดตัว Facebook Shops เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนมากขึ้น เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้หลาย ๆ คนเลือกที่จะสั่งซื้อออนไลน์มากกว่าออกไปซื้อของข้างนอก ดังนั้นการช็อปปิ้งออนไลน์จึงกลายเป็นทางเลือกยอดฮิตในปัจจุบัน 6. กลยุทธ์โฆษณาที่มุ่งเน้นไปที่ฟีดข่าวของ Facebook การทำการตลาดสิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าอะไรกำลังมาแรงในเฟสบุ๊คซึ่งไม่ได้รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลยุทธ์การโฆษณาของแบรนด์อีกด้วย ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าในไตรมาสที่ 3 ปี 2020 ฟีดข่าวของ Facebook ได้รับ 58.2% ของการใช้จ่ายค่าโฆษณามากกว่าฟีดวิดีโอและวิดีโอในสตรีม 7. เพิ่มประสิทธิภาพของ Chatbots ความรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญมากในปัจจุบัน ทำให้ เฟสบุ๊คยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงการส่งข้อความสำหรับอยู่เรื่อยๆ และเพิ่งปรับเพิ่มคุณสมบัติใหม่ล่าสุดอย่างการอนุญาตให้ผู้บริโภคทำการนัดหมายผ่าน Messenger 8. สนับสนุนและส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก และ ธุรกิจเกิดใหม่ ธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทางเฟสบุ๊คจึงได้มีมาตรการช่วยเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยให้การสนับสนุนทางด้านการเงินแก่ร้านค้าเหล่านี้ในรูปแบบของการให้เงินทุนมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์แก่ธุรกิจ 30,000 แห่งทั่วโลก และคาดว่าจะมีมาตรการนี้ต่อไปจนกว่า การแพร่ระบาดของโควิดจะหมดลง 9. สามารถสร้าง Content ได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ผ่าน Facebook การสร้าง Content เป็นหนึ่งในรูปแบบการตลาดเนื้อหา ที่มีประสิทธิภาพ และเป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า UGC คาดว่าการสร้าง Content จะยังคงเป็นหนึ่งในเทรนด์ บน Facebook ที่ใหญ่ที่สุดในปี 2021 10. การใช้แฮชแท็ก เพื่อเพิ่มอัตราการเข้าถึงของผู้ชม การใช้แฮชแท็กเปิดตัวขึ้นครั้งแรกบน Twitter ซึ่งปัจจุบันเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึง Instagram, LinkedIn หรือแม้แต่ Facebook เองก็ได้นำเอาการติดแฮชแท็กไปใช้ และเมื่อไม่นานมานี้ทางเฟสบุ๊คกำลังพัฒนาฟีเจอร์แฮชแท็กเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้มากขึ้น และกระตุ้นการมีส่วนร่วมมากขึ้น เช่น การแนะนำแฮชแท็กที่ฮิต ๆ ให้กับผู้ใช้ และรวมถึงการแสดงตัวเลขของจำนวนโพสต์ ที่มีแฮชแท็กเดียวกัน ที่อยู่บนเฟสบุ๊คอีกด้วย จะเห็นได้ว่าโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ทั่วโลกกำลังประสบปัญหา โดยเฉพาะในเรื่องของการแพร่ระบาด โควิด -19 ทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ และรายเล็ก ได้รับผลกระทบ เพราะฉะนั้น อย่าลืมหมั่นติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลใหม่read more