Blog

สรุป ” เทรนด์ Facebook ช่วงครึ่งปีแรก “

โลกดิจิทัลในครึ่งแรกของปี 2020 พูดถึงภาพรวมสถิติ และเทรนด์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นอย่างไรบ้างมาดูกันค่ะ จากภาพรวมของ Facebook ในระดับโลกจะเห็นว่ามีผู้ใช้งานมากกว่า 2 พันล้านคน แต่ในขณะเดียวกันก็มีแค่ 35% ของผู้ใช้งานเท่านั้นที่โฆษณาสามารถเข้าถึงได้ แถมยังถูก Dominate ด้วยผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ด้วยสัดส่วนของผู้ชายในแพลตฟอร์มนี้ ที่สูงมากถึง 56% เลยทีเดียว และประเทศไทย ติดอันดับประเทศที่มีผู้ใช้งาน Facebook มากเป็นอันดับ 8 ของโลก เมื่อดูจากข้อมูลผู้ใช้งานแยกตามช่วงอายุและเพศจะเห็นได้ชัดว่า ในช่วงอายุ 18-44 ปี ของผู้ใช้เฟซบุ๊กนั้นมีสัดส่วนของผู้ใช้สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัดมาก คนไทยกด Like Facebook อยู่ในเกณฑ์ค่าเฉลี่ยโลกที่เดือนละ 12 ครั้ง คนไทยคลิ๊ก Facebook Ad เฉลี่ยเดือนละ 17 ครั้ง Facebook Post Engagement Benchmarks ค่าเปรียบเทียบที่นักการตลาดหลายคนชอบถามหาว่า คนอื่นโพสกันได้อยู่ประมาณเท่าไหร่ รายงานฉบับนี้มีข้อมูลให้เป็นตัวเปรียบเทียบแล้วครับ จากข้อมูลจะเห็นว่าโดยเฉลี่ยแล้ว การโพสหนึ่งครั้งจะมี Engagement เกิดขึ้นประมาณ 0.21% แต่ถ้าเป็นวิดีโอจะสูงสุดอยู่ที่ 0.26% ตามติดมาด้วยโพสประเภทรูปภาพที่จะเรียก ​Engagement ได้ 0.25% ยังมีข้อมูลอีกหลายส่วนที่น่าสนใจ และยังมีช่องทางแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เกี่ยวกับคนไทย ไม่ว่าจะ Instagram, Twitter, TikTok ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจนั้นๆว่าละเลือกใช้ช่องทางไหน ในการทำแผนการตลาดเพื่อให้ธุรกิจนั้นๆเป็นที่รู้จักในวงกว้างนั่นเอง . อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> สรุป ” เทรนด์ Facebook ช่วงครึ่งปีแรกจากรายงาน Digital 2020 – We Are Social “ หรืออ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> CrosswalkAgency . สำหรับท่านใดที่สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด โทร : 097-919-2112 หรือ Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketing Agency

” Facebook Ads ” เทคนิคสร้างโฆษณาเพื่อดึงดูดใจลูกค้า

ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าการสร้างโฆษณาบนโลกออนไลน์อย่าง Facebook มีส่วนช่วยให้แบรนด์ของเรามีโอกาสเข้าถึงผู้บริโภคได้เร็ว และสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้น แต่ก่อนจะเริ่มทำจริง หลายๆคนอาจจะมีคำถามว่า ต้องเริ่มทำจากตรงไหนก่อน และจะคุ้มกับการสร้างยอดขายแค่ไหน เมื่อลงทุนในส่วนนี้ไป วันนี้  Crosswalk Agency มีคำตอบค่ะ > อันดับแรก ก่อนที่เราจะทำโฆษณาออนไลน์นั้น ต้องเริ่มรู้จักกลุ่มลูกค้า ของแบรนด์ตัวเองก่อน ซึ่งนับว่าเป็นพื้นฐานอย่างแรกเลยของกลุ่มทำธุรกิจ เพราะเมื่อรู้จักแล้ว จะสามารถเข้าถึงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย และเมื่อคุณสามารถวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าได้ดีขึ้น ก็จะสามารถสร้างกลยุทธ์ทางการตลาด โดยมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นเช่นเดียวกัน ทำให้คุณประหยัดการลงทุนการโฆษณาลง >> เมื่อรับรู้แล้วว่าใคร คือ กลุ่มเป้าหมาย การวางแผนทำ Ads แคมเปญเพื่อการตลาดขึ้นมา ต้องดูว่าจุดประสงค์ของการทำ Ads ของแคมเปญนั้น ๆ คืออะไร ซึ่งจุดประสงค์ในการสร้าง Ads ควรคำนึงถึงการรับรู้ของแบรนด์ และเป้าหมายของ Conversion ที่จะได้รับ *สามารถอ่านบทความ Conversion คืออะไร ? ได้ที่ https://crosswalkagency.com/conversion/   นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อเริ่มสร้าง Ads คือ ประเภทคอนเทนต์ที่ต้องการนำเสนอ ซึ่งเรามีตัวอย่างมาแนะนำกันค่ะ 1. รูปภาพ ⁂ ภาพนิ่งที่สามารถสื่อถึงสิ่งที่เราอยากให้กลุ่มเป้าหมายรับทราบอย่างรวดเร็วที่สุด และต้องสะดุดตาจนอยากอ่าน 2. วิดิโอ ⁂ ภาพโฆษณาแบบเคลื่อนไหว จะช่วยเพิ่มความสนใจมากยิ่งขึ้น 3. Carousel ⁂ รูปแบบการโฆษณาที่สามารถใส่รูปได้หลาย ๆ รูป และลูกค้าสามารถเลื่อนดูรูปได้ทีละรูป 4. Lead Generation  ⁂ เป็นรูปแบบการสร้างกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อเก็บข้อมูลลูกค้า เช่น การสมัครสมาชิก การขอรับสิทธิพิเศษ การรับข่าวสารเพิ่มเติม จากช่องทางอิเมล เป็นต้น   และ Crosswalk ขอแอบบอกอีกนิด การทำ  Ads นั้นมีกลยุทธ์อีกอย่างหนึ่ง คือ สามารถโฆษณาซ้ำเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการให้แก่ผู้ที่เคยเข้ามาดูแบรนด์ของเราไปแล้ว โดยกลุ่มเป้าหมายจะเห็นสินค้าหรือ Ads ซ้ำ ๆ ทำให้แบรนด์มีโอกาสในการขายสินค้า ให้แก่กลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น ซึ่งกลยุทธ์นี้จะเรียกว่า การทำ Remarketing หรือการ Retargeting ค่ะ . สำหรับท่านใดที่สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด โทร : 097-919-2112 Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketing Agency

” 7 วิธี ” การตลาดออนไลน์ ที่ช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น

ตอนนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโลก Digital หรือการตลาดออนไลน์นั้นใหญ่มากๆ การทำการตลาดออนไลน์อย่างหลากหลาย จึงเป็นเหมือนการเปิดโอกาส ให้คนที่พบเห็น สามารถเข้ามาใช้บริการหรือเป็นลูกค้าได้ ซึ่งหากที่ผ่านมาคุณใช้เพียง Facebook หรือ Line@ ในการทำช่องทางการตลาด ถือว่าคุณเพิ่งจะใช้ศักยภาพของการตลาดออนไลน์เพียง 10% ของทั้งหมด ดังนั้น Crosswalk Agency เราขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับ ” 7 วิธี ” การตลาดออนไลน์ ที่ช่วยให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น เพื่อยกระดับร้านค้าหรือธุรกิจของคุณให้ครบวงจร เพื่อให้ได้ผลการตอบรับอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดกันค่ะ Mobile & Apps Marketing เป็นการทำการตลาดผ่านโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โดยเน้นการปรับหน้าเว็บไซต์ให้สวยงามบนหน้าจอหลากหลายขนาด และการทำแอปพลิเคชั่นที่เอื้อต่อความสะดวกสบายของกลุ่มลูกค้า โดยการพัฒนาฟังก์ชันต่าง ๆ  ให้ตอบโจทย์การใช้งานบนอุปกรณ์สมาร์ทโฟนต่าง ๆ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์และตัวของลูกค้าเองด้วย Online PR เป็นการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ สร้างทัศนคติ ต่อตัวแบรนด์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณมีชื่อเสียง และ สามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นอีเมล เว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดีย Website & Landing Page ปัจจุบันเวลาจะค้นหาอะไรสักอย่าง ก็มักจะเสิร์ชหา แล้วเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ของแบรนด์เอง ซึ่งหากแบรนด์ของคุณไม่มีหน้าเว็บไซต์ ก็ทำให้เสียโอกาสการขายที่นั้นไปได้ แต่หากคุณมีเว็บไซต์อยู่แล้ว และ มีดีไซน์ที่ทันสมัยและการจัดวางเนื้อหาที่น่าดึงดูดใจ ก็อาจสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและได้รับผลตอบรับที่จากลูกค้าได้เช่นกัน Content Marketing การนำเสนอข้อมูลของแบรนด์ของคุณ นอกจากจะต้องให้ความสำคัญกับเนื้อหาและคุณภาพแล้ว ยังต้องให้ความสนใจกับกระแสในปัจจุบันอีกด้วย ไม่ใช่แค่มีเนื้อหาข้อมูลจากแบรนด์เพียงด้านเดียว E-mail Marketing การทำการตลาดออนไลน์ผ่านช่องทางอีเมล หรือ E-mail Marketing คือการแจ้งอีเมลที่เป็นข่าวสาร โปรโมชัน ส่วนลดพิเศษเฉพาะลูกค้าหรือสมาชิก ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายหลัก Social Media Marketing การใช้สื่อสังคมออนไลน์ ในการให้ข้อมูลความรู้ กระตุ้นให้เกิดการซื้อ พูดคุยหรือแจ้งโปรโมชัน เป็นการสื่อสารให้เกิดความเป็นกันเองกับลูกค้า Online Video & Viral การทำการตลาดที่แสดงไอเดียโฆษณาผ่านคลิปวิดีโอ อาจเพิ่มยอดขายได้ เนื่องจากแบรนด์ได้สร้างข้อมูลการรับรู้ผ่านทางคลิปวิดิโอให้กับทุกคนที่พบเห็น โดยคลิปวิดีโอส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาที่ออกแบบมาให้ตรงตามความสนใจของกลุ่มเป้าหมายหลัก เพื่อให้เกิดกระแสแบบปากต่อปาก การกดไลก์ กดแชร์บนโลกออนไลน์ . >> เมื่ออ่านจนครบ 7 เครื่องมือที่ใช้ในการทำการตลาดออนไลน์แล้ว Crosswalk Agency อยากจะขอบอกอีกหน่อยว่า Digital Marketing ยังมีอีกหลากหลายฟังก์ชันที่จะช่วยให้การทำการตลาดออนไลน์ทำงานได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพียงเรียนรู้และปรับตัวให้ทันสมัย เพื่อตอบสนองกับความต้องการผู้บริโภคได้อย่างทุกรูปแบบ . อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ >> CrosswalkAgency สำหรับท่านใดที่สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด โทร : 097-919-2112 Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketing Agency

ปรับโครงสร้างคีย์เวิร์ดให้ผ่านฉลุย ติดอันดับการค้นหา ด้วย “Yoast SEO”

การเขียนบทความให้ติดอันดับการค้นหาของ Google ต้องอาศัยการทำ SEO เพื่อดันบทความให้อยู่ในอันดับการค้นหา แต่การเขียนบทความให้ติดอันดับการค้นหาของ Google ยังมีอีกหนึ่งตัวช่วยใน WordPress ที่ชื่อว่า “Yoast SEO” ซึ่งปลั๊กอินตัวนี้จะเป็นตัวชี้ ว่าบทความของเรามีคุณภาพ ตรงตามหลัก SEO หรือไม่? โดยแต่ละสถานะจะเปรียบเหมือนกับไฟจราจรที่มี 3 สี แล้วแต่ละสีมีหมายความอย่างไร? ตามมาดูกันเลย 1. ไฟแดง — หยุด ดูจุดผิดพลาด มันจะแจ้งทุกอย่างว่าบทความที่เราเขียนไป ตรงกับ Focus Keyword หรือไม่ บทความเราจัดวางให้อ่านง่ายหรือไม่ ? การตั้งชื่อเรื่องสัมพันธ์กับเนื้อหาหรือเปล่า ? เป็นต้น หรือมี Keyword กระจายทั่วบทความหรือกระจุกติดกัน 2. ไฟเหลือง — ตรวจทานแล้วแก้ไข ได้ไฟเหลืองก็แสดงว่าถูกไปครึ่งหนึ่งแล้ว เหลือแค่ปรับแต่งอะไรเล็กน้อยก็พอ ซึ่งสามารถดูได้จากรายละเอียดของตัว Yoast SEO แล้วแก้ไข เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบทความนั้นๆ 3. ไฟเขียว — ผ่านฉลุย หลังจากติดตั้ง Plug in ตัวนี้ไปแล้ว มันอาจจะแจ้งว่า ชื่อเรื่อง บทนำ สัมพันธ์กับ Focus Keyword แล้ว เพราะบทความอ่านง่าย ไม่ยาวเกินไป สามารถใส่ลิงก์ Reference จากเว็บอื่นด้วยก็ดี หมดปัญหากวนใจ . ถ้าเรารู้เทคนิคการเขียนแบบ SEO แล้ว การจะเขียนบทความให้ได้ไฟเขียวก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ยิ่งมี “Yoast SEO” ด้วยแล้ว ก็เหมือนมีผู้ช่วยที่จะคอยแก้จุดต่าง ๆ ที่ผิดพลาด ให้ข้อเสนอแนะ และปรับโครงสร้างบทความของเรา เพื่อให้ตรงตามหลักของ SEO และที่น่าสนใจยังมีส่วนสนับสนุนให้บทความของเราติดอันดับการค้นหาอีกด้วยครับ . อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ >> Yoast SEO หรืออ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติม >> CrosswalkAgency . สนใจปรึกษาทำการตลาดออนไลน์ ติดต่อ ? 097-919-2112 หรือ Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketing Agency

Comment Insight
ข้อมูลเชิงลึกของคอมเมนต์ หรือ Comment Insight

ทาง Facebook เตรียมเพิ่มฟีเจอร์เข้ามาใหม่ เรียกว่า “ข้อมูลเชิงลึกของคอมเมนต์ หรือ Comment Insight” ให้เราสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนการตลาดได้ โดยฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า “Comment Insight” จะเป็นข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับโพสต์ที่เราคอมเมนต์ โดยที่น่าสนใจ คือ เราสามารถรู้จำนวนความแตกต่างด้านการตอบสนองของลูกค้าในโพสต์ที่เราคอมเมนต์ เทียบกับโพสต์คล้ายกันที่เราไม่ได้คอมเมนต์ (Change in reaction) และรู้จำนวนความแตกต่างระหว่างจำนวนการมองเห็นของโพสต์ที่เรามีการคอมเมนต์โต้ตอบ เทียบกับจำนวนการมองเห็นของโพสต์ที่คล้ายกันที่เรายังไม่ได้คอมเมนต์โต้ตอบเลย (Change in post impression) สรุป   ฟีเจอร์ “Comment Insight” นี้ จะช่วยเป็นตัวชี้วัดให้เราได้เห็นภาพชัดว่าการคอมเมนต์ลงไปในโพสต์ของเรา จะมีผลต่อการมีส่วนร่วม (Engagement) และ การถูกมองเห็น (Impression) ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าผู้ติดตามของเรามีลักษณะอย่างไร และเราควรทำ Ads แบบไหนจึงจะเหมาะสม   สนใจปรึกษาทำการตลาดออนไลน์ ติดต่อ ? 097-919-2112 หรือ Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketing Agency

7 แผน การตลาดออนไลน์ ” สำหรับธุรกิจอสังหาฯ “

แผนการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจอสังหาฯ ปัจจุบัน #ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะโครงการใหญ่หรือโครงการเล็ก แน่นอนว่าการแข่งขันทางด้านการตลาดมีสูงมาก ยิ่งเมื่อต้องก้าวเข้าสู่ยุคแห่ง 4.0 ที่มีเทคโนโลยี ทันสมัยและใหม่มากขึ้นตลอดเวลา การจะทำตลาดแบบเดิมๆ อาจจะไม่ก่อให้เกิดผลกำไรมากกว่าเดิมนัก ดังนั้น การปรับตัวให้ธุรกิจ มีช่องทางการทำการตลาดแบบใหม่มากขึ้น ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ไม่ว่าธุรกิจไหนก็ควรต้องลงมือทำ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจอสังหาฯ ก็เช่นกัน ซึ่งการตลาดแบบใหม่ที่แนะนำเป็นอย่างยิ่ง คือการทำการตลาดแบบออนไลน์ ที่สามารถส่งผลให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้าง กระจายการรับรู้ การคิดและการตัดสินใจให้กับผู้ที่สนใจ และถ้าหากว่าในวันนี้ธุรกิจของคุณ ยังไม่ได้ก้าวเข้ามาสู่การตลาดออนไลน์อย่างเต็มตัว และไม่ได้เริ่มศึกษา ลงมือทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจอสังหาฯ ” บอกได้คำเดียว คุณได้ก้าวช้ากว่าคู่แข่งไปแล้วหลายก้าว!!! ” Crosswalk Agency ที่ปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ได้รวบรวมข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับ 7 แผนการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจอสังหาฯ มาให้ได้ศึกษาและตัดสินใจเพื่อความก้าวหน้าในธุรกิจ 1. การทำ Lead Generation คือ การหาข้อมูลของลูกค้า ผ่านการใช้เครื่องมือการตลาดออนไลน์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ เพราะเป็นข้อมูลของลูกค้าที่สนใจในสินค้าและบริการจริงๆ สามารถทำได้หลายช่องทาง ทั้ง Landing Page , การทำแถบเมนู Contact Us เพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลติดต่อกลับ หรือรวมไปถึงการใช้ Facebook Fanpage เป็นสื่อกลางในการติดต่อกับลูกค้า ดังนั้น การได้ข้อมูลของลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ก็จะสามารถนำมาวิเคราะห์ข้อมูลและวางแผนด้านการตลาดออนไลน์ให้กับธุรกิจอสังหาฯได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเจาะกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุด ด้วยวิธีที่เหมาะสม พร้อมช่วยให้สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น 2. ยิงโฆษณา (ยิง Ads.) การยิงโฆษณาหรือการ “ยิง Ads” เกี่ยวกับธุรกิจอสังหาฯ จะทำให้ธุรกิจมีตัวตนมากขึ้นบนโลก สามารถรู้จักและรับรู้ถึงการมีอยู่ของแบรนด์ของเรา ซึ่งการยิง Ads. ทำได้ในช่องทาง Facebook , Google , Youtube และ Line และให้ผลลัพธ์ที่ดีได้ตามลำดับ ส่วนกลยุทธ์ในการยิง Ads. จะขึ้นอยู่กับ Buyer Persona ของกลุ่มเป้าหมายว่าเป็นอย่างไร หากกำหนดไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากยิ่งขึ้น 3. ใช้โปรโมชั่นเป็นตัวดึงดูด โดยเฉพาะโปรโมชั่นที่น่าดึงดูดใจ ไม่ว่าจะเป็นลด แลก แจก แถม ต้องเกิดจากการวิเคราะห์ Buyer Persona มาก่อนเช่นกัน ถึงจะสามารถกำหนดโปรโมชั่นให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด หรืออาจเกิดจากการวิเคราะห์ธุรกิจของเรา ว่าเหมาะสมกับโปรโมชั่นแบบไหนมากกว่ากัน 4. ปิดการขายไว ด้วยการสร้างอสังหาฯ ในราคา 2-3 ล้านบาท จากผลการสำรวจ การขายอสังหาฯที่มีมูลค่าประมาณ 2-3 ล้านนั้น จะสามารถปิดการขายและปิดโครงการได้เร็วมากกว่าอสังหาฯ ที่มีมูลค่าสูงกว่านี้ เนื่องจากปัจจุบัน “วัยกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว” มีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเกิดความต้องการซื้ออสังหาฯในราคาที่สามารถรับผิดชอบได้ ซึ่งจะทำให้อสังหาฯที่มีราคา 2-3 ล้านนี้ ขายออกได้ไวกว่าช่วงราคาอื่น 5. ใช้ Customer Review หลากหลายโครงการบ้าน สามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น หากมีการรีวิวจากผู้ใช้จริง โดยรีวิวนี้ต้องแสดงถึงความรู้สึกที่ดีในการใช้สินค้าและบริการของเรา ให้แก่ลูกค้าคนอื่นๆผ่านช่องทางการตลาด ซึ่งจะช่วยให้การตัดสินใจในการซื้อมีมากยิ่งขึ้นได้ 6. การสร้างสรรค์คลิปวีดิโอ สำหรับใช้ในการโฆษณา การดึงดูดลูกค้าด้วยการทำการตลาดออนไลน์ ด้วย “รูปภาพโฆษณา” เป็นที่สนใจอันดับแรกๆ ดังนั้นจึงต้องใช้รูปโฆษณาที่สวยงามและน่าสนใจ ให้ลูกค้ารู้สึกอยากเข้ามาอ่านหรือชมข้อมูลเพิ่มเติม แต่การนำเสนอวีดิโอ เผยให้เห็นความสวยงามของส่วนต่างๆของอสังหาฯ ในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว ก็จะเป็นการเน้นย้ำให้กับลูกค้าที่สนใจ มั่นใจในการเลือกซื้อสินค้าและบริการมากขึ้นนั่นเอง 7. การหา Consultant มาช่วยในการทำการตลาดออนไลน์ การมีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์และความสามารถสูงในการวางกลยุทธ์ทางการตลาด วิเคราะห์หากลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการยิง Ads. จะช่วยให้สามารถทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุด ฉะนั้น อย่ารอช้าค่ะ การทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจอสังหาฯ ไม่ใช่เรื่องยาก แค่มีทีมที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้วิเคราะห์ข้อมูลและวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์กับธุรกิจคุณมากที่สุด

ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ KPI

ดัชนีชี้วัดความสำเร็จของการทำโฆษณาออนไลน์นั้นมีหลายค่า ที่เราต้องนำมาวิเคราะห์เพื่อวัดผลโฆษณานั้นๆว่า “สำเร็จและเป็นไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้หรือไม่”   ✅ (Cost per thousand impressions) คือ การคิดค่าโฆษณาต่อการแสดงโฆษณาออนไลน์1,000 ครั้ง โดยผู้ลงโฆษณาจะจ่ายตามจำนวนครั้ง ที่แสดงโฆษณาเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับจำนวนคลิกที่เกิดขึ้น ส่วนราคาต่อ 1 CPM นั้นขึ้นอยู่กับราคาที่ตกลงกับผู้ขายพื้นที่โฆษณา ✅ (Click through rate) เป็นตัวชี้วัดที่บอกถึงคนที่สนใจต่อคนที่มองเห็นยิ่งมีเปอร์เซ็นต์ที่เยอะมากเท่าไหร่หมายความว่าคนให้ความสนใจใน แคมเปญนั้นๆที่เราทำ ตัวอย่างเช่น หากคุณได้รับคลิก 5 ครั้งและมีการแสดงผล 100 ครั้ง CTR จะเท่ากับ 5%โฆษณาและคีย์เวิร์ดแต่ละรายการมี CTR เป็นของตนเองซึ่งคุณจะดูได้ในบัญชี ✅ (Cost per click) คือ จำนวนเงินที่ต้องจ่ายต่อ 1 การคลิกซึ่งราคาจะแตกต่างกันตามธุรกิจ ซึ่งการคลิกนี้จะไม่นับรวมการมองเห็น เราจะเสียเงินก็ต่อเมื่อมีคนคลิกโฆษณาของเราเท่านั้น แต่จะซื้อสินค้า หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความน่าสนใจ หรือความต้องการของลูกค้า ✅ (Conversion rate) เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่จะบอกเราว่าจากจำนวนคลิกทั้งหมดแปลงเป็นยอดขายได้ทั้งหมดเท่าไหร่ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ✅ (Cost per action) ค่านี้จะคำนวนจากค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ทำแคมเปญต่อจำนวนคนที่ซื้อสินค้าหรือบริการของเราหากลูกค้าคลิกเข้าชมโฆษณาแต่ไม่ได้ซื้อสินค้า ผู้ลงโฆษณาก็จะไม่เสียเงินค่าโฆษณา ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็น KPI หรือเป็นตัวชี้วัดได้ถึงการทำการตลาดออนไลน์ในแต่ละช่องทาง ที่จะบอกเราได้ว่า สิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญต่างๆหรือจะเป็นคอนเทนต์ ประสบความสำเร็จหรือไม่รวมทั้งยังสามารถนำค่าต่างๆนี้ไปใช้เพื่อกำหนดกลยุทธ์ต่างๆได้อีกด้วย.  

Conversion สำคัญต่อการทำการตลาดออนไลน์อย่างไร?

Conversion ช่วงนี้เราจะได้ยินคำนี้บ่อยขึ้น ใช่มั้ยครับ ? Conversion คือ ✅ ยอดขายที่เกิดขึ้นจริงในธุรกิจ ✅ ส่วนในด้าน #การตลาดออนไลน์ หมายถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตอบสนองต่อโฆษณาไม่ว่าจะเป็นการคลิกเข้ามาดู การกดถูกใจ การสมัครสมาชิก หรือการสั่งซื้อ เป็นตัน ▶ ความสำคัญของ Conversion มีความสำคัญมากในการวัดผล เพื่อให้เราทราบว่าการทำโฆษณานั้นบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งไว้หรือไม่ ถ้ามี Conversion Rate มาก ก็แปลว่าการทำโฆษณาได้ผล แต่ถ้ามี Conversion Rate น้อย ก็อาจแปลได้ว่าโฆษณานั้นล้มเหลวเมื่อทราบผลลัพธ์เป็นตัวเลขแน่ชัดก็จะทำให้เราพัฒนาการตลาดต่อไปได้    

โมเดลธุรกิจแบบ B2B2C คืออะไร?

หลายคนอาจจะคุ้นหูกับ โมเดลธุรกิจแบบ B2B (Business-to-Business) หรือ B2C (Business-to-Customer) แต่จริงๆแล้วยังมีอีกโมเดลธุรกิจ (Business Model) ที่แฝงอยู่กับทั้งสองโมเดลธุรกิจนี้ นั่นก็คือ “B2B2C” B2B2C คือโมเดลที่ธุรกิจตัวที่หนึ่ง (B1) ขายผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ธุรกิจตัวที่สอง (B2)เพื่อให้ธุรกิจตัวที่สอง (B2) นำไปขายผลิตภัณฑ์หรือบริการของตัวเองให้ลูกค้า (C = Customer)ทั่วไปต่อ และในการทำการตลาดในโมเดล B2B2C นั้น เป็นการส่งสาร หรือข้อมูลไปยัง C (Customer) เพื่อให้เกิดความต้องการสินค้าหรือบริการนั้นและเกิดการซื้อมายัง B2 และธุรกิจที่สอง (B2) ก็จะย้อนกลับมาซื้อสินค้าของ ธุรกิจที่หนึ่ง (B1) ทำให้ธุรกิจที่หนึ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆจากการขายสินค้าหรือบริการผ่านธุรกิจที่สอง และในส่วนของธุรกิจที่สองก็สามารถจำหน่ายและส่งมอบผลิตภัณฑ์ให่แก่ลูกค้าได้เป็นโมเดลธุรกิจที่ถือได้ว่า Win-Win ทุกฝ่าย ที่สุดแล้ว การวางแผนที่ดีถือเป็นส่วนสำคัญที่จะส่งผลให้เรารู้ถึงการทำการตลาดที่ถูกต้องและเหมาะสมกับประเภทของธุรกิจ   ซึ่งการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพนั้นจะส่งผลต่อยอดขายและกำไรอีกด้วย. สามารถอ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ >> https://crosswalkagency.com/blog/  

Facebook Shop ซื้อ-จ่าย ครบในแอปฯเดียว

Facebook เปิดตัวบริการฟีเจอร์ อี-คอมเมิร์ซตัวใหม่ อย่างเป็นทางการ “เฟซบุ๊ก ช็อปส์(Facebook Shops)” ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้เปิดร้านออนไลน์บนเฟซบุ๊กและอินสตราแกรมได้สะดวกขึ้น การซื้อของออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติ ไปแล้วในปัจจุบัน เพราะสะดวก รวดเร็ว อยู่ที่ไหนก็ซื้อของที่ต้องการได้ Facebook ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ได้รับความนิยม ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ง่ายต่อการตั้งร้านค้าออนไลน์ และลูกค้าสามารถเข้าถึงร้านได้ทั้งใน Facebook และ Instagram สามารถสร้างได้ฟรีและง่ายมากๆทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงร้านค้าของคุณได้ทุกที่ทุกเวลา   และยังสามารถส่งข้อความคุยกับลูกค้าได้ผ่าน WhatsApp, Messenger หรือ Instagram Direct และในอนาคตคุณจะสามารถดูร้านค้าของธุรกิจและทำการซื้อได้ทันทีผ่านการแชทใน WhatsApp, Messenger หรือ Instagram Direct และสามารถชำระเงินได้โดยไม่ต้องออกจากแอป   อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ > FACEBOOK   หรืออ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ >> https://crosswalkagency.com/blog/