Blog

กลยุทธ์ ” Digital Marketing” ในปี 2565

กลยุทธ์ ” Digital Marketing ” ในปี 2565 ? ที่จะช่วยทำให้ธุรกิจ #ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ของคุณ เติบโตบนโลกออนไลน์ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย . . . ใช้ #เทคโนโลยีเสมือน ช่วยในการสร้างความน่าสนใจให้กับอสังหาริมทรัพย์ของคุณ การใช้เทคโนโลยีเสมือน นั้นสามารถช่วยทำให้ลูกค้า ” เข้าถึง สนใจ รวมถึงเห็นภาพได้ชัดเจน ” มากขึ้น โดยที่ไม่ต้องจินตนาการ เเละเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ที่นักอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ไม่ได้ให้ความสำคัญ จากสถิติพบว่าเทคโนโลยีนี้สามารถ #สร้างยอดขาย ได้รวดเร็วกว่าคอนเทนต์อื่นๆ ถึง 49% ในการตัดสินใจ ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด หรือ ซื้อที่ดิน เราต้องสามารถพาลูกค้าดำดิ่งเข้าสู่เส้นทางที่จะทำให้เขาตัดสินใจซื้อได้ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การนำเสนอเนื้อหา และคอนเทนต์ จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะปลดล็อค และ โน้มน้าวใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ───── »◦✿◦« ───── ต้องเข้าใจเรื่องของ #SEO อย่างชัดเจน และ ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ ในยุคปัจจุบันทุกคนสามารถค้นหาข้อมูล เเละรายละเอียดเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่ต้องการจะซื้อได้ด้วยตัวเอง จากพฤติกรรมของผู้บริโภคในกลุ่มคนที่สนใจซื้ออสังหาฯ บ้าน คอนโด ที่ดิน รวมถึงนักลงทุนอสังหาฯ จะตัดสินใจลงทุนหรือตัดสินใจซื้อ จากข้อมูลที่เขาได้รับ และจุดเริ่มต้นของการได้ข้อมูลเหล่านี้ก็ได้รับจาก Google นั่นเอง SEO จึงสำคัญอย่างมากเเละไม่ควรที่จะมองข้าม เพื่อ #เว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ และ #การติดอันดับบนGoogle จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีคนเข้ามาชมมากขึ้นเป็นอันดับต้นๆที่ลูกค้าจะเลือก อีกทั้งยังทำให้ยอดขายของธุรกิจคุณเพิ่มขึ้นอีกด้วย ───── »◦✿◦« ───── สร้าง #บทความให้ความรู้ หรือเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ กับผู้ซื้อหรือนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ การมีเว็บไซต์ถือเป็นเรื่องดี คุณสามารถให้ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ โครงการบ้านหรือคอนโด ที่คุณกำลังขายอยู่ได้โดยละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภายใน ภายนอก รวมถึง รายละเอียดเอกสารการทำเรื่องกู้เงินกับธนาคาร ความน่าเชื่อถือของธุรกิจของคุณ แต่ สิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่ทั้งหมดที่ลูกค้าของคุณต้องการ ข้อมูลความรู้ต่างๆ ที่สามารถช่วยให้ลูกค้าได้มีไอเดีย แนวความคิดใหม่ รวมทั้ง มีความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ก็สามารถสร้างและเปลี่ยนจากคนที่เพียงแค่ชื่นชอบและสนใจ ให้กลายมาเป็นลูกค้าได้ และ สิ่งเหล่านี้สามารถตอบโจทย์ได้จากการมี คอนเทนต์ เนื้อหา หรือ บทความดี ๆ สำหรับลูกค้าเหล่านั้นได้นั่นเอง ───── »◦✿◦« ───── การจ้าง #Influencers ในยุคนี้ การเลือก Influencers ให้ถูก ให้ตรงกับความต้องการ ที่คุณอยากได้ ก็สามารถตอบโจทย์ธุรกิจ ของคุณได้เช่นกัน ซึ่งในยุคนี้ก็มีหลากหลายช่องทาง และ สามารถเข้าถึง Influencers ได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง Facebook, Instagram, Tiktok, Youtube ฯลฯ ในปัจจุบันการจ้าง Influencers มาช่วยทำคอนเทนต์สำหรับธุรกิจอสังหาฯ ถือเป็นเรื่องที่ไม่แปลกใหม่ แต่สิ่งที่แปลกใหม่คือ ความสามารถของ Influencers รายนั้น ๆ ที่จะโชว์ทุกศักยภาพความเป็น ” Content Creator ” ออกมา เพราะฉะนั้นควรเลือกให้ถูกกลุ่ม และ เหมาะกับธุรกิจจะดีที่สุด ไว้ใจให้ Crosswalk Agency ดูแลการตลาดให้ แล้วคุณจะได้ “ บริการ ” ที่ “ เหนือ ” กว่าใคร ? ทีมงานเราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผน ผลักดันธุรกิจของคุณให้เป็นที่รู้จัก “ บนโลกออนไลน์ ” ————————————————- สนใจคลิก!! INBOX หาเราเลย ☎️ Tel : 097-919-2112 LINE : @crosswalkagency (มี @ นำหน้า) Website : https://crosswalkagency.com/ ————————————————– #โฆษณาออนไลน์ #การตลาดออนไลน์ #รับดูแลเพจ #รับดูแลการตลาดออนไลน์ #ที่ปรึกษาและวางแผนการตลาด #OnlineMarketing #DigitalMarketing #CrosswalkAgency

Digital Marketing สำหรับธุรกิจโรงแรม/รีสอร์ทที่ไม่ควรพลาดในปี 2022

Digital Marketing สำหรับธุรกิจโรงแรม/รีสอร์ท? ที่ไม่ควรพลาดในปี 2022 จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย . . ➤ เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ ” เครื่องมือค้นหา ” (Search Engine Optimization) เป็นอีก 1 ในวิธีที่ไม่เคยตกเทรนด์ เพราะวิธีนี้สามารถช่วงชิงความสนใจจากผู้บริโภคได้ และยังเป็นวิธีที่ทำให้ธุรกิจโรงแรม/รีสอร์ทสามารถสร้างแรงผลักดันให้เกิดการจองโดยตรงผ่านเว็บไซต์โรงแรม/รีสอร์ทได้ ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องมือค้นหา (SEO) ไม่เพียงแต่จะต้องทำการ Research ข้อมูลที่สำคัญ หรือ การเลือกใช้คำ (Key Word) บนเว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถช่วยให้เว็บไซต์ของโรงแรม/รีสอร์ท สามารถขึ้นหน้าแรกจากผลการค้นหาข้อมูลได้ เช่น การออกแบบรูปแบบของเว็บไซต์, Tag หัวข้อ, เนื้อหาที่โดนใจลูกค้า, รายละเอียดอื่น ๆ และ ลิงค์ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการที่จะทำให้เว็บไซต์มีความ “น่าสนใจมากยิ่งขึ้น” ───── »◦✿◦« ───── ➤ ทัวร์เสมือนจริง (Virtual Showroom) ช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพได้มากกว่า เป็นอีก 1 วิธีที่ทุกโรงแรม/รีสอร์ทต้องมี เพราะจะสามารถช่วยให้ลูกค้า หรือ ผู้ที่สนใจอยาเข้าพักสามารถเห็นตัวห้องได้ก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือก จอง/เข้าพัก ที่นี่ ด้วยพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน การดูรูปถ่ายจากเว็บไซต์ หรือ ในสื่อออนไลน์ ยังสร้างความ Impact ไม่มากพอ เท่ากับการที่สามารถเลือกชมห้องพักได้เอง ───── »◦✿◦« ───── ➤ ทำการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ( Social Media ) การที่จะทำให้คนสนใจธุรกิจของคุณได้ในยุคนี้ก็คือ โพสต์! โพสต์! และ โพสต์! บนทุกช่องทางออนไลน์ แต่ว่าการโพสต์อย่างเดียวยังคงไม่พอ ต้องมีการ Creative Content ที่จะสื่อให้เหมาะสม ให้ทันยุค ทันสมัย ทันเหตุการณ์ด้วย การเกาะกระแสบนสื่อออนไลน์ นับว่าเป็นอีกกลยุทธ์ในการสร้างความ Impact กับลูกค้าได้ดีเลยทีเดียว ยิ่งเร็วตามทันกระแสเหตุการณ์บนสื่อออนไลน์มากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นที่สนใจกับผู้คนในยุคนี้มากเท่านั้น ───── »◦✿◦« ───── ➤ Experience Matters ทุก Feedback สำคัญ ” การไม่มี Ego สูงเป็นลาภอันประเสริฐ ” คนที่น้อมรับและรับฟัง Feedback จากลูกค้าเท่านั้นที่จะอยู่รอด เพราะเราไม่สามารถไปคิดแทนลูกค้าเลยว่า เขาคิดยังไง ? เขามีมุมมองที่แตกต่างจากเรามากแค่ไหน ? วิธีนี้ถือเป็นวิธีพื้นฐานที่ดีที่สุด และ ไม่ต้องลงทุนอะไรเยอะเลย เพียงแค่ฟังเสียงจากลูกค้าในช่องทางต่าง ๆ และนำมาพัฒนาปรับปรุงในอนาคต

รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ ! กับ 5 เทรนด์ Digital Marketing สำหรับ คลินิกทันตกรรม ในปี 2022

? รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ ! กับ 5 เทรนด์ Digital Marketing ? สำหรับ #คลินิกทันตกรรม ในปี 2022จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย! ➤ การ #ทำคอนเทนต์ ผ่าน #TikTok ช่วยให้คุณโปรโมทการบริการได้ ! การให้ความรู้กับลูกค้าหรือคนไข้ นั้นสำคัญเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ เพราะจะเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับคนที่เข้ามาเห็นบริการของเรา ซึ่งเทคโนโลยีทุกวันนี้สามารถเข้าถึงง่ายขึ้น เราจึงควรทำให้บริการของเรานั้นสามารถถูกนำเสนอออกมาให้อยู่ในรูปแบบที่ น่าสนใจและสนุกสนานได้ เพื่อให้คนที่ผ่านมาเห็นเเละลูกค้าได้เกิดการรับรุ้ถึงบริการของคุณ และ TikTok ก็ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีผู้บริโภคเริ่มเข้ามาใช้งานมากขึ้นอีกด้วย ───── »◦✿◦« ───── ➤ คอนเทนต์ที่ #นำเสนอการบริการต่าง ๆ ให้ดูสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ หลายๆคน การมาหาหมอฟันเป็นความกังวลอยู่แล้วระดับหนึ่ง ดังนั้น การทำให้ลูกค้าหรือคนไข้เบาใจลงได้ ผ่อนคลาย รู้สึกมีความกังวลน้อยลง เป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้กับลูกค้าและคนไข้ รวมถึง คุณยังนำเสนอมันออกมาทางโซเชียลมีเดียได้ด้วย หาโอกาสดีๆ กิจกรรมให้ร่วมสนุก ที่จะทำให้คนไข้หรือลูกค้าของคุณมีรอยยิ้ม ───── »◦✿◦« ───── ➤ #คอนเทนต์ชาเลนจ์ หรือ กิจกรรมสร้างความท้าทาย ชาเลนจ์ Challenge หรือ กิจกรรมเพื่อสร้างความท้าทายในยุคนี้ จะทำให้ลูกค้าหรือคนไข้สามารถมีส่วนร่วมกับธุรกิจทันตกรรมของคุณได้ง่ายมากขึ้น ยิ่งเป็นช่องทาง โซเชี่ยลมีเดีย แล้ว คุณสามารถคิดค้นแคมเปญสนุกสนาน ให้ลูกค้าเข้ามาแจมได้ง่ายๆ เช่น กิจกรรม ท้าถ่ายรูปก่อนจัดฟัน และ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรายเดือนในขณะที่จัดฟัน จนถึง วันที่ถอดเหล็กดัดฟันออก ───── »◦✿◦« ───── ➤ คอนเทนต์เพื่อ #ทำความรู้จักกับลูกค้า ของคุณ เมื่อมาเป็นรูปแบบของคลินิกทันตกรรมที่อยากจะทำความรู้จักและเข้าใจลูกค้าของตนเอง ลองพูดถึงการแสดงความยินดีเมื่อคนไข้หรือลูกค้าของคุณเข้ารับบริการเสร็จสิ้น และ ผ่านมันไปได้ด้วยดีดูสิ วิธีนี้จะทำให้ลูกค้าคนอื่น ๆ ได้เห็นภาพว่า เขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างไรเมื่อเข้ารับบริการ เช่น การแสดงความยินดีเมื่อถอดเหล็กดัดฟัน, วันแรกที่ใส่เหล็กดัดฟัน ฯลฯ คอนเทนต์แบบนี้จะสามารถสร้างความผ่อนคลายให้กับคนไข้ท่านอื่น ๆ ได้นะ ───── »◦✿◦« ───── ➤ การทำคอนเทนต์ #ให้ความรู้ ช่วยให้คลินิกน่าสนใจขึ้นเยอะ นอกจากคอนเทนต์สนุกสนาน เฮฮา สร้างความผ่อนคลายได้แล้ว อีกหนึ่งคอนเทนต์ที่ขาดไม่ได้เลยคือ “การให้ความรู้” เพื่อสร้าง Impact แก่คนไข้ หรือ คนที่สนใจอยากจะมาใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการพูดเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ที่คนทำฟันจะต้องเจอ หรือ ตอบคำถามจากช่องทางคอมเมนต์ที่ผู้คนสงสัย ต่างก็เป็นคอนเทนต์ที่ดี และ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของคลินิกทันตกรรมได้เช่นกัน

ทำไมคลินิกเสริมความงามต้องทำ “ Branding ”

? ทำไมคลินิกเสริมความงามต้องทำ “ Branding ” เรามีคำตอบ เเต่ละข้อจะมีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมเเล้วไปดูกันเลย . . . ➣ สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ คลินิกเสริมความงามในปัจจุบันส่วนใหญ่ทำการตลาดกันมากขึ้น เเละสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุด ในการเปิดคลินิกในยุคนี้ก็คือ ” #การสร้างความมั่นใจ ” ความมั่นใจในที่นี้ก็คือ มั่นใจ . . . ในเรื่องความปลอดภัย, การให้บริการ, บริการหลังการขาย ฯลฯ จุดเด่นที่จะทำให้คลินิกเสริมความงามเป็นที่จดจำก็คือ บริการต่าง ๆ ที่ผู้ให้บริการ ” ควรใส่ใจ ” มากกว่าแค่การขายคอร์ส ขายบริการแล้วจบไป ต้องคิดถึงลูกค้า/ผู้ใช้บริการก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ ───── »◦✿◦« ───── ➣ ช่วยเรื่องการตัดสินใจในการเข้าใช้บริการ หรือการซื้อแพ็กเกจต่าง ๆ ของคลินิก การมี Branding ที่แข็งแรงนั่นสามารถช่วยให้ลูกค้า/ผู้ใช้บริการ ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น การทำโปรโมชั่นที่ดึงดูด การพรีเซ็นต์คลินิกที่น่าสนใจ สิ่งนี้จะช่วยให้คลินิก ” ดู #มีความน่าเชื่อถือ ” และสามารถ #ปิดยอดขาย ได้ง่ายๆ เฉพาะฉะนั้น หันมาให้ความสนใจการ ” Branding ” ให้เยอะ ๆ เพราะสิ่งนี้แหละ ที่จะช่วยให้ธุรกิจคลินิกเสริมความของคุณ ” เหนือกว่าคู่แข่ง ” ───── »◦✿◦« ───── ➣ #สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างตัว คุณหมอ, เจ้าหน้าที่ในคลินิกความงาม กับ ผู้เข้ารับบริการหรือลูกค้า การมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า/ผู้ใช้บริการนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทุกธุรกิจ ” ควรมี ” การใส่ใจ การถามไถ่ถึงการบริการ และ ให้บริการหลังการขาย เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะสร้าง ” ความมั่นใจ ” และ ” ความน่าเชื่อถือ ” ให้กับลูกค้า/ผู้ใช้บริการได้ ยิ่งใส่ใจ ยิ่งให้บริการที่ดี ยิ่งได้รับ Feedback ที่ดีกลับมา ควรใส่ใจลูกค้า/ผู้ให้บริการ อยู่เสมอ ควรรับฟัง ยอมรับข้อติเตียน และนำทั้งหมดกลับมาแก้ไขและพัฒนาอยู่เสมอ ───── »◦✿◦« ───── ➣ #เป็นที่รู้จัก ของบุคคลทั่วไปที่ไม่เคยใช้บริการ ให้เข้ามาใช้บริการ ความวิเศษของการทำ Branding นั้น สามารถ #ดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ให้เข้ามาใช้บริการได้นะ ไม่ว่าจะเป็นการทำคอนเทนต์ลงบนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, IG, Tiktok ฯลฯ นี้ก็สามารถสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้ โดยที่คุณแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเยอะแยะเลย เพียงแค่ ทำ – โพสต์ – แชร์ แค่นี้เอง ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว ยิ่งทำคอนเทนต์ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในช่วงเวลานั้น หากนำมาปรับให้เข้ากับรูปแบบของธุรกิจคุณได้ ยังไงก็ปัง ───── »◦✿◦« ───── ➣ ทำให้ลูกค้าเก่า #มั่นใจ และ #กลับมาใช้บริการ อีกครั้ง การมี “บริการหลังการขายที่ดี” ก็สามารถช่วยให้ลูกค้าเก่ากลับมาใช้บริการอีกครั้งได้นะ นอกจากเรื่องการบริการแล้ว ” ความใส่ใจ ” และ ” รู้จักลูกค้า ” ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับทั้งลูกค้าเก่า – ใหม่ ได้เล่นกัน เพราะการให้บริการไม่ใช่เพียงแค่ให้แล้วจบไปเท่านั้น ต้องใส่ใจให้มาก ๆ เพราะลูกค้านี่แหละคือ ( Key Man ) สำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโต และ อยู่ต่อไปได้ ───── »◦✿◦« ───── ➣ ทำให้คลินิกเป็นที่ ” โดดเด่น ” และ ” น่าจดจำ ” การที่จะทำให้ธุรกิจ ” โดดเด่น ” และ ” เหนือกว่าคู่แข่ง ”read more

อยากทำธุรกิจให้ปัง! อย่ามองข้าม UGC (User-Generated Content) 

อยากทำธุรกิจให้ปัง!  อย่ามองข้าม UGC (User-Generated Content)            User-Generated Content (UGC) คือ การสร้างเนื้อหาหรือ Content โดยผู้ใช้ หรือผู้ติดตาม เเล้วนำมาคอนเทนต์เหล่านั้นมาเผยเเพร่ไว้บนพื้นที่ของแบรนด์ โดยเนื้อหาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแบรนด์ เเละสินค้าของเเบรนด์โดยตรง ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบที่ใช้เป็น ภาพถ่าย, คลิปวิดีโอ รวมไปถึงการเขียนบล็อกที่พูดถึงแบรนด์ ก็ถือว่าเป็น UGC เช่นกันค่ะ     User-Generated Content (UGC) สามารถเเบ่งออกเป็น 5 ส่วน คือ . . . 1. เนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย (Social Media Content) ส่วนใหญ่จะเป็นการที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายแชร์โพสต์มาอีกต่อหนึ่ง หรือสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับแบรนด์ขึ้นมาเองก็ได้ ซึ่งอาจจะโพสต์ภาพ วิดีโอ หรือข้อความก็ได้ 2. รีวิวจากกลุ่มผู้ใช้งานจริง (Reviews and Testimonials) รีวิวจากลูกค้า หรือคำแนะนำจากกลุ่มผู้ใช้งานจริงที่พึงพอใจในการใช้สินค้า เพื่อเเสดงถึงการยืนยันถึงประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะเป็นการเขียนรีวิวบนเฟสบุ๊ค หรือเขียนรีวิวเกี่ยวกับแบรนด์ในเว็บไซต์อื่นๆ เช่น รีวิวบน Google, Pantip, Wongnai เเละ Twitter เป็นต้น 3. บล็อกโพสต์ (Blog Posts) ในส่วนของ Blog Post ที่มีลูกค้าเข้าไปเขียนรีวิวที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณ ก็ถือว่าเป็น UGC เช่นกันค่ะ แต่อย่าลืมว่าจะต้องไม่ใช้เนื้อหาที่ถูกจ้างให้ทำขึ้นมานะคะ 4. วิดีโอ (Video Content) ไม่ว่าจะเป็น Ig story , วิดีโอบนเฟสบุ๊ค, หรือ การ Live สด ที่มักจะเป็นเป็นเนื้อหาที่ลูกค้าเต็มใจหรือสนใจถ่ายทำขึ้นมาเองเพื่อพูดเกี่ยวกับเเบรนด์นั้น ๆ 5. ฟอรัม (Forums) ยกตัวอย่างที่เห็นภาพได้อย่าชัดเจน เช่น การที่ลูกค้าไปตั้งคำถามในกระทู้พันทิป ซึ่งอาจมาสอบถามเกี่ยวกับร้าน หรือเเบรนด์ในฟอรั่มต่าง ๆ ซึ่งมักจะเป็นการถาม-ตอบ และคอมเมนต์พูดคุยกันระหว่างผู้ใช้งานด้วยกันเอง 6. กรณีศึกษา (Case Studies) คือการบอกเล่าเรื่องราว หรือประสบการณ์ของลูกค้าที่มีต่อเเบรนด์ว่าใช้งานเป็นอย่างไร ตอบโจทย์ผู้ใช้เเบบไหน ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวสามารถช่วยเสริมจุดเด่นให้เเบรนด์ เเละช่วยดึงดูดว่าที่ลูกค้าใหม่ให้มีความกล้าที่จะเลือกเเบรนด์ของเราได้นั่นเองค่ะ   ข้อดีของการใช้ User-Generated Content ยกระดับความน่าเชื่อถือ (Authenticity) เพราะการที่ผู้บริโภคเป็นคนสร้างคอนเทนต์ต่าง ๆ ขึ้นมาเองนั้น ทำให้ผู้บริโภคอื่น ๆ ไว้ใจ เพราะรู้สึกว่าการรีวิวหรือคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่มาจากผู้ใช้จริงนั้นมีความจริงใจมากกว่าการที่แบรนด์ทำโฆษณาเพื่อโปรโมตสินค้า นั่นจึงทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกเชื่อถือ และเชื่อมั่นในแบรนด์มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการขายสินค้า (Increase income and sales) จากรายงานของ Nielson Global พบว่าผู้บริโภค 42% เชื่อคำรีวิวและคำแนะนำของ UGC มากกว่าจากแบรนด์ และทำให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นหาก UGC เป็นไปในแนวทางที่ดี การมีส่วนร่วม (Engagement) การที่ผู้บริโภคได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์จะช่วยให้เเบรนด์เป็นที่น่าประทับใจ เเละเป็นที่น่าจดจำ (Memorable) เเก่ลูกค้า ซึ่งอาจทำให้ลู้ค้ารู้สึกประทับใจ เเละนำไปบอกต่อ ๆ กัน ช่วยให้เเบรนด์ได้ฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น ช่วยให้ผู้คนเข้าใจแบรนด์มากยิ่งขึ้น (Brand awareness) โดยปกติเเบรนด์จะมีจุดเด่นของตัวเองอยู่เเล้ว ดังนั้นการที่เเบรนด์ถูกนำไปพูดถึงโดยกลุ่มลูกค้า ก็จะสามารถช่วยตอกย้ำความเป็นเเบรนด์เเละ เป็นตัวช่วยช่วยยืนยันว่าเเบรนด์มีจุดเด่นเเบบนั้นจริงๆ           เมื่อได้ทำความรู้จักกับ UGC (User-Generated Content) มาประมาณหนึ่งเเล้ว หลายๆ คน คงอยากเริ่มลองนำไปใช้กันเเล้วใช่ไหมล่ะค่ะ เเต่เเล้วจะเริ่มต้นยังไงดี? วันนี้ Crosswalk Agency เรามีคำตอบมาให้ทุกคนกันเเล้วค่ะ สร้างแฮชแท็ก (Hashtag) ประจำแบรนด์ของคุณ อาจเป็นคำสั้นๆ ง่ายต่อการจดจำ เช่น #ชื่อเเบรนด์ หรือ #ชื้อสินค้าที่เเบรนด์ของคุณตั้งขึ้น เป็นต้น เสิร์ชหา UGC จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ เช่นread more

ยกระดับการตลาด เพิ่มโอกาสการขาย ด้วยกลยุทธ์ Contextual Marketing

ยกระดับการตลาด เพิ่มโอกาสการขาย ด้วยกลยุทธ์ Contextual Marketing           หนึ่งในเเนวคิดทางการตลาด ที่กำลังถูดพูดถึงมากที่สุดใน Marketing 5.0 นั่นก็คือ Contextual Marketing ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของการตลาดแบบ Inbound Marketing หรือ ตลาดแบบดึงดูด ด้วยการวิเคราะห์ และนำเสนอคอนเทนต์ ที่เป็นที่ต้องการของลูกค้า การตลาดในรูปเเบบนี้ จึงถือเป็นเเนวคิดที่น่าสนใจสำหรับนักการตลาดเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าได้ดี วันนี้ Crosswalk Agency เราเลยอยากจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Contextual Marketing กันค่ะ           Contextual Marketing คือ การศึกษาข้อมูล หรือบริบทรอบตัวของผู้คน เเล้วนำมาวางแผนสร้างสรรค์แคมเปญทางการตลาด โดยการนำเสนอคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับคนๆ นั้นในรูปแบบต่างๆ และสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย หรือลูกค้า เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่า เราเข้าอกเข้าใจถึงความต้องการของพวกเค้า ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ สามารถส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อสินค้าของเราในที่สุด เเต่ทั้งนี้เราก็ควรเคารพความเป็นส่วนตัว (Privacy) ของลูกค้าด้วย เพราะการทำ Contextual Marketing จำเป็นต้องใช้ข้อมูลบริบทของลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลการค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์, ระยะเวลาในการดูสินค้า, การกรอกข้อมูลที่อยู่ เบอร์โทร บนเว็บไซต์ที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ เป็นต้น ประโยชน์ของ Contextual Marketing ใช้ต้นทุนถูกกว่าการทำการตลาดในรูปแบบอื่นๆ ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดี เเละความพึงพอใจให้กับลูกค้า สามารถกำหนดเป้าหมาย เเละช่วงเวลาในการทำแคมเปญทางการตลาดได้อย่างชัดเจน ไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับข้อมูลข่าวสารมากจนเกินไป เพราะวิเคราะห์เป็นอย่างดีแล้วว่า อะไรที่ตอบโจทย์กับลูกค้าที่สุด เป็นตัวช่วยดึงสินค้าให้กลับมาอยู่ในความสนใจของลูกค้าผ่านแคมเปญใหม่ๆ ได้เสมอ            สรุปง่ายๆ Contextual Marketing เป็นการหยิบ “บริบทรอบตัวลูกค้า” เเบบ Real Time เพื่อนำเสนอสิ่งที่ใช่สำหรับลูกค้ามากที่สุด โดยผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลว่าลูกค้าใช้เครื่องมืออะไร? เเละกำลังสนใจอะไรอยู่? เเล้วก็ใช้ข้อมูลเหล่านั้นสื่อสารกับลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการ เเละเเสดงถึงความเข้าอกเข้าใจ เท่านี้ก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการติดสินใจซื้อของลูกค้าเเล้วค่ะ           อย่าลืมนำข้อมูลดีๆ ไปปรับใช้กับธุรกิจกันนะคะ หากคุณต้องการที่ปรึกษา และวางแผนการตลาดออนไลน์ ให้โดดเด่นเป็นที่รู้จัก “Crosswalk Agency” เราพร้อมเป็นผู้ร่วมวางแผนธุรกิจ เเละผลักดันธุรกิจของคุณ ให้ทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยทีมงานการตลาด ที่มีประสบการณ์ จากแบรนด์ระดับประเทศมากมาย อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด เเหล่งข้อมูลอ้างอิง: Popticles EverydayMarketing

กลยุทธ์การตลาดเเบบเเฝง (Ambush Marketing)

Ambush Marketing กลยุทธ์การตลาดเเบบเเฝง           นักการตลาดยิ่งรู้กลยุทธ์ในการทำการตลาดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถนำไปปรับใช้กับการทำ การตลาดได้ดียิ่งมากขึ้น ดังนั้นการศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำกลยุทธ์ทางการตลาด จึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะจะได้สามารถนำกลยุทธ์เหล่านั้นมาปรับใช้กับธุรกิจได้ วันนี้ Crosswalk Agency เลยอยากจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับกลยุทธ์การตลาดเเบบเเฝง (Ambush Marketing) เเอบขายเเบบเนียนๆ ก็เซียนได้! ว่าเเต่กลยุทธ์นี้คืออะไร? เเละมีข้อดีอย่างไร? เราไปศึกษาพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ Ambush marketing คืออะไร ? Ambush marketing หรือ การตลาดแบบแฝง คือ รูปแบบของกิจกรรมการตลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อแบรนด์หนึ่งได้เป็นสปอนเซอร์หลักของงานกีฬาใดกีฬาหนึ่ง อย่างเป็นทางการแล้วมีแบรนด์ของคู่แข่งก็จะต้องพยายามทำตัวเอง มีความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับกีฬาดังกล่าวด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้จ่ายค่าเป็นสปอนเซอร์แต่อย่างใด การทำ Ambush Marketing หรือ การตลาดแบบแฝงนั้น คุณไม่จำเป็นต้องเข้าเป็น สปอนเซอร์หลัก และเสียเงินจำนวนมาก เพียงคุณเข้าสนับสนุนกิจกรรมใด กิจกรรมหนึ่ง และมีโลโก้แฝงอยู่ในทุกๆ กิจกรรมที่สนับสนุน เท่านี้ก็เหมือนเป็นการพรีเซนต์เเบรนด์ของคุณเเบบอ้อมๆ เเล้วนะคะ ยกตัวอย่างการใช้กลยุทธ์ Ambush Marketing           ในกีฬาโอลิมปิค Fuji Film อาจให้การสนับสนุนหลัก แต่เครื่องดื่มเกลือแร่ชนิดหนึ่ง ให้การสนับสนุน กีฬาบาสเก็ตบอล ทีมชาติสหรัฐอเมริกา โดยมีโลโก้ติดตามข้างสนาม หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าของนักกีฬา ทำให้ ผู้ชมรอบสนาม เกิดการรับรู้ในแบรนด์ เสพแบรนด์ต่าง ๆ โดยไม่รู้ตัว หรือแม้กระทั่งหากผู้ชมรอบสนามกระหายน้ำ และเกิดสังเกตุเห็น แบรนด์เครื่องดื่มเกลือแร่ รอบสนาม ผู้ชมรอบสนามอาจจะอยากดื่มเครื่องดื่มแบรนด์นี้ได้ ซึ่งน่าตกใจคือ กว่า 85% รอบสนามมีโอกาสจะดื่มเครื่องดื่มดังกล่าว! ข้อดีของการใช้กลยุทธ์ Ambush Marketing           ข้อดีของการใช้กลยุทธ์นี้ก็คือ ใช้ค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า เพราะคุณจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเพื่อไปเป็นสปอนเซอร์ของ Event ต่างๆ แต่เราเพียงใช้งบประมาณที่น้อยกว่าในการเป็นส่วนหนึ่งของ Event นั้นๆ ช่วยให้เราสามารถเข้าไปอยู่ในกระแสที่คนกำลังสนใจต่อกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งถือป็นโอกาสที่แบรนด์ ของคุณสามารถสร้างการรับรู้ไปพร้อมๆ กับแบรนด์ใหญ่ๆ ได้           เมื่ออ่านบทความจบเเล้ว ก็อย่าลืมนำข้อมูลดีๆ เหล่านี้ไปปรับใช้กับธุรกิจได้นะคะ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดของการทำการตลาด ก็คือการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์เเละน่าสนใจ เพื่อช่วยดึงดูดใจทั้งลูกเก่า เเละลูกค้าใหม่ให้เกิดความสนใจเเบรนด์นะคะ           หากคุณต้องการที่ปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ให้โดดเด่นเป็นที่รู้จัก “Crosswalk Agency” เราพร้อมเป็นผู้ร่วมวางแผนธุรกิจ เเละผลักดันธุรกิจของคุณ ให้ทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยทีมงานการตลาดที่มีประสบการณ์จากแบรนด์ระดับประเทศมากมาย อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด เเหล่งข้อมูลอ้างอิง: www.adaddictth.com www.wordstream.com  

การตลาดออนไลน์สำหรับร้านอาหาร

การตลาดออนไลน์สำหรับร้านอาหาร            ในปัจจุบันสถานการณ์โควิด ทำให้ธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาเลือกซื้อสินค้าเเละบริการผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่าออฟไลน์ เพราะมีความสะดวกเเละรวดเร็วกว่า ดังนั้นการขายเเบบออฟไลน์เพียงอย่างเดียวก็คงไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ธุรกิจร้านอาหารหลาย ๆ เจ้าจึงเริ่มปรับตัวเข้ามาทำการตลาดออนไลน์กันมากขึ้น เพื่อพร้อมรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เเต่เเล้วเหล่าร้านอาหารจะเริ่มทำการตลาดยังไงดี? วันนี้ Crosswalk Agency เรามีเทคนิคการตลาดออนไลน์สำหรับร้านค้ามาฝากทุกคนกัน ว่าเเต่จะมีอะไรบ้าง? ไปดูกันเลยค่ะ 1. เปิดหน้าร้านออนไลน์           สร้างโปรไฟล์ของร้านอาหารของคุณ  ผ่าน Social Media ต่างๆ เช่น Facebook Page, Instagram ที่ช่วยโปรโมทร้านของคุณผ่าน Content และสร้าง Google My Business ที่แสดงหมุดแผนที่ เมื่อมีคนค้นหาร้านของคุณ 2. เมื่อมีหน้าร้านออนไลน์ แล้วอย่าลืมสร้าง Content Marketing ด้วยนะ !           การโปรโมทร้านอาหารอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ หลักในการนำเสนอเมนูที่น่ารับประทานหรือร้านอาหารของคุณ จะเน้นการใช้สื่อรูปภาพ หรือวีดีโอเป็นสำคัญ โดยวีดีโอสามารถเพิ่มอัตราการแชร์มากกว่ารูปภาพถึง 100% ช่วยดึงดูดผู้ชมเป็นอย่างดี และกระตุ้นการซื้อได้ง่าย การนำเสนอคอนเทนต์ทำได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Review เมนูใหม่ ทำโปรโมชั่น Behind the Scenes การทำเมนูนั้นๆ บรรยากาศของร้าน 3. การดูแลเพจ และ ตอบคอมเมนต์ผู้ที่สนใจ การให้ข้อมูลกับผู้ที่สนใจอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ทันที การจัดการกับคอมเมนต์เชิงลบกับแบรนด์ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างรวดเร็ว แบรนด์ควรออกมาสื่อสารกับผู้บริโภคเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงลบที่เกิดขึ้น 4. การโฆษณาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยโปรโมทร้านอาหารได้เป็นอย่างดี           โฆษณาผ่าน Facebook Page ที่เป็นแพลตฟอร์มยอดฮิตของคนทุกเพศทุกวัย หรือ Instagram แอพสุดชิคสำหรับวัยรุ่นที่เน้นโปรโมทรูปภาพและวีดีโอเป็นหลัก สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างละเอียดเจาะจง และกำหนดพื้นที่ของกลุ่มเป้าหมายที่อยู่กับใกล้ร้านอาหารของคุณได้ผ่านการนำเสนอแบบรูปภาพหรือวิดีโอ และข้อความ สร้างการรับรู้และการจดจำ รวมไปถึงการวัดผลที่มอนิเตอร์ได้ง่าย สำหรับร้านที่มีการขายผ่าน Delivery App สามารถสร้างโฆษณา และทำให้ลูกค้าที่เห็น ไปซื้อผ่าน Delivery App ได้อีกด้วย! 5. ใช้ข้อมูลจากลูกค้าให้เป็นประโยชน์           การใช้เครื่องมือทางออนไลน์สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้เป็นอย่างดี และสามารถนำข้อมูลนั้นไปพัฒนาทางการตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นเมนูที่ลูกค้าให้ความสนใจมากที่สุด ลูกค้าต้องการการพัฒนาหรืออยากให้มีเมนูใหม่ๆ แบบไหน ทางเราสามารถจัดการและกำหนดทิศทางของธุรกิจในด้านการตลาดต่อไปได้ รวมถึงด้านผลิตภัณฑ์หรือการบริการอื่นๆ เป็นต้น อย่าลืมนำเทคนิค “การตลาดออนไลน์สำหรับร้านอาหาร” จาก Crosswalk Agency ไปลองปรับใช้กับธุรกิจของคุณนะคะ           สนใจวางเเผนธุรกิจของคุณให้โดดเด่น เป็นที่รู้จัก ให้ Crosswalk Agency เป็นผู้ร่วมวางแผนเเละผลักดันธุรกิจของคุณ ให้สามารถทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยทีมการตลาดคุณภาพที่มีประสบการณ์จากแบรนด์ระดับประเทศมากมาย อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด  

5 Tips สร้าง Banner Ads  ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย

5 Tips สร้าง Banner Ads ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย          Banner Ads  คือ การโฆษณาบนช่องทาง Google Ads ที่ลูกค้าจะสามารถเห็นได้ตามหน้าเว็บไซต์ สังเกตง่ายๆ จะมีลักษณะเหมือนกับแผ่นป้าย ที่ทำให้ธุรกิจสามารถสื่อข้อความ ที่ต้องการจะบอกเล่าออกมาได้ ผ่านรูปภาพ และตัวอักษร ซึ่งหลายๆ ครั้งที่เเบนเนอร์เหล่านี้มักถูกเลื่อนผ่านไปเเบบไร้เยื่อใย นั่นก็อาจเป็นเพราะไม่น่าสนใจมากพอ เเต่เเล้วจะสร้างเเบนเนอร์อย่างไรให้ลูกค้าเกิดความสนใจ วันนี้ Crosswalk Agency เรามี “5 เทคนิค ในการออกเเบบ แบนเนอร์โฆษณา ให้โดนใจลูกค้า” มาฝากกันค่ะ ไปดูกันเลย   1. เลือกขนาดที่เหมาะสม  ขนาดของเเบนเนอร์ที่ดี มีดังนี้:  300×250 Pixel Medium Rectangle ถือว่าเป็นขนาดที่ดีที่สุดในการแสดงผล ทั้งบนมือถือและแท็บเลต เพราะจะอยู่ด้านบนและมีสัดส่วน 40% ของภาพรวมทั้งหมด   728×90 Pixel Leaderboard เหมาะกับโฆษณาที่อยู่ด้านบนของหน้าจอที่เหมาะเลื่อนตามลงมาด้านล่าง   320×50 Pixel Mpbile Leaderboard เหมาะกับรูปแบบโฆษณาผ่านมือถือ   160×600 Pixel Wide Skyscraper เหมาะกับการทำโฆษณาแนวยาว มักจะอยู่ด้านข้างของเว็บไซต์   2. เลือกพื้นหลังให้เหมาะสม        ภาพพื้นหลังของ Banner Ads ควรเลือกให้เหมาะกับสีฟ้อนต์ เพราะจะช่วยเสริมให้ตัวหนังสือเห็นชัด อ่านสบายตา เเละยังช่วยเพิ่มการจดจำด้วยนะคะ  เเละที่สำคัญจะต้องสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนว่าต้องการขายสินค้าอะไร ซึ่งการเลือกใช้พื้นหลังก็จพมีอยู่ 2 เเบบหลักๆ นั่นก็คือการใช้ภาพพื้นหลังสีทึบ เเละการใช้รูปภาพเป็นภาพพื้นหลัง  การใช้ภาพพื้นหลังสีทึบ  การใช้พื้นหลังสีทึบในการออกแบบ Banner Ads จะช่วยให้สารที่เราต้องการจะสื่ออกไปมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เช่น พวกตัวหนังสือภายในภาพ เเละองค์ประกอบต่างๆ ของตัวสินค้า ทำให้ลูกค้าสังเกตได้ง่าย ซื้อพื้นหลังเเบบนี้จึงเหมาะกับสินค้าที่จำเป็นต้องมีรายละเอียดหรือตัวหนังสือเยอะๆ นั่นเอง การใช้รูปภาพเป็นภาพพื้นหลัง  สำหรับการออกแบบ Banner Ads ที่ใช้รูปภาพเพื่อเป็นพื้นหลัง จะต้องเป็นโฆษณาของธุรกิจที่ไม่มีสินค้าเป็นชิ้นหรือสินค้าที่ต้องการรายละเอียด ตัวอักษรภายในภาพมากเกินไปเพราะอาจทำให้ลายตา อ่านยาก เเละไม่น่าสนใจ ดังนั้นการใช้ภาพเพื่อเป็นพื้นหลังจึงเหมาะกับการออกเเบบเเบนเนอร์โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับ งานบริการ สถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น 3. หัวเรื่อง ( Headline) ต้องน่าสนใจ           โดยหัวเรื่องอาจใช้ข้อความสั้น ๆ ที่มีความกระชับได้ใจความและมีความครีเอทีฟ สามารถดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายได้ เเต่ก็ยังคงความชัดเจนว่าเราต้องการสื่อสารอะไรลงไปในภาพ เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจว่าเราจะสื่ออะไรเเละเกิดความสนใจในตัวสินค้านั้นๆ อย่างการใช้คำกริยาขึ้นต้น เช่น ‘จองด่วน’ ‘อย่ารอช้า’ ‘ลดให้เลยกว่าครึ่ง’ หรืออาจใช้คีย์เวิร์ด ที่บ่งบอกถึงสรรพคุณเเละประโยชน์ของตัวสินค้า เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความสนใจ อยากรู้อยากเห็น เเละกดคลิกตัวโฆษณาในที่สุด 4. ใช้ข้อความย่อย (Sub-heading)        การใช้ข้อความย่อยหรือ Sub-heading ไม่ใช่เรื่องเเย่เสมอไป เพราะในบางครั้งเพียงแค่หัวข้อ กับ Call to Action อาจจะเล่าเรื่องราวได้ไม่เพียงพอ ดังนั้นการเพิ่มข้อมูลส่วนเล็กๆ เพิ่มเข้าไปใต้หัวเรื่องใหญ่ ก็สามารถช่วยให้ลูกค้าเข้าใจสินค้าเเละเกิดความอยากซื้อมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การออกแบบ Banner Ads โฆษณาจากแบรนด์ “Eatfresh” ที่มีสินค้าเป็นอาหาร ได้มีการใส่คำพาดหัวที่เล่าถึงความน่ารับประทาน และ ความอร่อย นอกจากนี้ยังมีการใช้ Sub-headings “Serve Hot in 30 Minutes” ที่เป็นตัวช่วยอธิบายคุณค่าเพิ่มเติมในด้านบริการที่ทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกอยากทานมากขึ้น 5. ออกแบบ Landing Page ให้สอดคล้องกับโฆษณา           การออกแบบ Landing Page ให้สอดคล้องกับโฆษณา Banner Ads ที่เรายิงไป สามารถช่วยให้โฆษณาของเรามีผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้า ที่เมื่อกดเข้ามาแล้วคงไม่อยากจะเสียเวลาหาสิ่งที่ต้องการอีกครั้ง ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือก Landing Pageread more

การตลาดออนไลน์ สำหรับสินค้าค้าปลีก (Retail Marketing)

การตลาดออนไลน์ สำหรับสินค้าค้าปลีก (Retail Marketing)                    การทำการตลาดออนไลน์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับร้านค้าปลีกในตอนนี้ เพราะสามารถช่วยให้ร้านค้าของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการปัจจุบัน ที่พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่เริ่มหันไปใช้เวลากับ Social Media และ Smartphone มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการพาธุรกิจของคุณเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์ ย่อมเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุดในการเพิ่มลูกค้า เเต่จะเริ่มต้นอย่างไรดี? วันนี้ Crosswalk Agency เรามีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการทำการตลาดออนไลน์ สำหรับร้านค้าปลีกมาฝากกันค่ะ 1. เว็บไซต์ต้องมี และระบบ E-Commerce ต้องดี หรือ Platform สำหรับเปิดหน้าร้านออนไลน์           อยากเปิดร้านออนไลน์ คุณจำเป็นต้องมีพื้นที่ในการนำเสนอร้าน ดังนั้นอย่าลืมเลือก Platform ที่จะเปิดร้าน หรือเว็บไซต์ในการทำ E-Commerce เพื่อให้ข้อมูลลูกค้าและสร้างการขายได้ สิ่งสำคัญในการเลือก Platform คือต้องเลือกให้เหมาะสมกับสินค้าหรือแบรนด์ของคุณ 2. การพาตัวเองไปให้ลูกค้าเห็นผ่าน Google โดยใช้ Google Ads           พฤติกรรมคนส่วนใหญ่ มักจะเสิร์ชสิ่งที่ต้องการคำตอบใน Search Engine ที่นิยมก็คือ Google.com ดังนั้นการพาธุรกิจเข้าไปอยู่ในที่ที่ลูกค้ามองหา ก็จะสามารถช่วยเพิ่มการจดจำแบรนด์ และการตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว Google Ads ยังมีหลายแบบ เพื่อช่วยตอบโจทย์การโปรโมทแบรนด์ของคุณ โดยรูปแบบการโฆษณาที่มองข้ามไม่ได้เลย คือ Google Search การโฆษณาแบบคำค้นหา  Google Display Network การโฆษณาแบบรูปภาพแบนเนอร์ 3. SEO (Search Engine Optimization)           การทำ SEO คือการทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับแรกๆ ใน Search Engine อย่าง Google เป็นวิธีการโปรโมทสินค้าหรือเว็บไซต์ ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว ช่วยในการเพิ่มการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี แต่ค่อนข้างต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างอันดับ  4. นำเสนอสินค้าอย่างต่อเนื่องและหลากหลายรูปแบบผ่าน Social Media Marketing           Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter, LINE OA หรือแอพพลิเคชั่นสุดฮิตมาใหม่อย่าง TikTok ก็ช่วยโปรโมทสินค้าและใช้ในการติดต่อซื้อขายได้อย่างดี เป็นกลยุทธ์ที่หลายๆแบรนด์ไม่พลาด เพราะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายใช้ต้นทุนในการจัดการต่ำและวัดผลได้อย่างดี เนื่องจากสรุปผลจากสถิติและเลือกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นทางประชากรศาสตร์ เพศ, อายุ, พื้นที่หรือในด้านไลฟ์สไตล์ ความสนใจของลูกค้า การโปรโมทสินค้าผ่านทางนี้ช่วยดึงดูดผู้ที่คาดหวังจะเป็นลูกค้าของเราได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีการชักจูงผ่านรูปภาพ หรือวีดีโอ ที่น่าสนใจมากกว่าข้อความทั่วไป 5. มีช่องทางแล้ว อย่าลืมนำเสนอสินค้าด้วย Content Marketing           การนำเสนอสื่อ ต้องประกอบไปด้วย ข้อความและรูปภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการสื่อไปถึงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง, ภาพนิ่งสไลด์(Carousel), VDO, เสียง Podcast (คลิกที่นี่ – เพื่ออ่านการอออกแบบสื่อโฆษณาโฆษณาทำอย่างไรได้บ้าง) เพื่อดึงดูดและชักจูงคนเข้ามารับชมจนเกิดการซื้อ หรือเป็นลูกค้าของแบรนด์เราได้ หากคุณเป็นหนึ่งในธุรกิจร้านค้าปลีกที่ต้องการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลง ให้เข้ากับกับยุค New Normal ที่ทุกคนต่างอยู่บนโลกออนไลน์ คุณจำเป็นจะต้องเริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing เพื่อเพิ่มช่องทางใหม่ๆ ในการสร้างยอดขายเเละเพิ่มลูกค้าให้กับธุรกิจของคุณ ดังนั้นหากคุณต้องการที่ปรึกษาเเละช่วยวางเเผนการตลาดออนไลน์ ก็สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดอย่างเรา Crosswalk Agency ได้นะคะ ต้องการวางเเผนธุรกิจให้โดดเด่น เป็นที่รู้จัก ให้ Crosswalk Agency เป็นผู้ร่วมวางแผนธุรกิจ เเละผลักดันธุรกิจของคุณให้สามารถทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยทีมงานการตลาด ที่มีประสบการณ์จากแบรนด์ระดับประเทศมากมาย อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัดread more