Blog

Marketing Automation – กลยุทธ์ทางการตลาดแนวใหม่ แบบอัตโนมัติ

Marketing Automation กลยุทธ์ทางการตลาดแนวใหม่ แบบอัตโนมัติ            กลยุทธ์ทางการตลาดมีมากมายหลายประเภท แต่จะมีสักกี่ประเภทที่เหมาะสมและได้ผลดีกับธุรกิจ? หลายปีที่ผ่านมาการทำการตลาดออนไลน์อาจจะยังไม่ซับซ้อนและเข้มข้นเท่าในปัจจุบันมากนัก เพราะในปัจจุบันมีผู้หันมาทำธุรกิจด้าน Online Marketing มากขึ้น ทำให้การทำการตลาดแบบเดิม ๆ อาจไม่สามารถตอบโจทย์ได้อีกต่อไป ! ดังนั้นนักการตลาดที่ดี ควรต้องรู้จักติดตามข้อมูลข่าวสารให้ได้มากที่สุดเพื่อจับเทรนด์การทำการตลาดใหม่ ๆ การตลาดในยุคดิจิทัลไม่ใช่แค่การทำให้คนรู้จักสินค้าเราเท่านั้น หากแต่ต้องเป็น  . . . การนำเสนอสินค้าที่ตรงใจลูกค้า เสนอได้อย่างถูกที่ถูกเวลา และรวดเร็วทันกระเเส         โดยเฉพาะในปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่ใช้ “โทรศัพท์มือถือ” ในการดำเนินการทุกอย่างจนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ดังนั้น ธุรกิจในยุคปัจจุบันจึงต้องพัฒนาสินค้าและบริการให้รองรับการใช้งานบนมือถือด้วย            “Marketing Automation” สามารถแปลตรงตัวได้ว่า “การตลาดอัตโนมัติ” พูดง่ายๆ ก็คือเครื่องมือที่จะช่วยให้เราประกอบกิจกรรมทางการตลาดหลาย ๆ ส่วนได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยประหยัดทั้งแรงงาน เวลา และงบประมาณที่เราต้องลงทุนไป อันที่จริงแล้ว Marketing Automation โดยส่วนมากถูกนำมาใช้ในกลุ่มเว็บไซต์ E-commerce เช่น Amazon จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ภายในเว็บของ Amazon จะปรากฎเนื้อหาในเว็บที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราสนใจ หรือสิ่งที่เราเคยค้นหาภายในเว็บไซต์จากในอดีต และ Wishlist ที่เคยป้อนเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะออกจากเว็บไซต์ไปแล้ว แต่ทาง Amazon ยังคงส่ง E-mail แนะนำสินค้า โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่คุณเคยป้อนในเว็บไซต์ การทำการตลาดแบบนี้ไม่ได้เกิดจากบุคคล แต่เกิดจากระบบที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า และ Algorithm เพื่อวิเคราะห์ และเรียนรู้ผู้เข้าใช้เว็บไซต์เป็นรายบุคคล   แล้วการทำ Marketing Automation ดียังไง? 1. ช่วยประหยัดเวลา :            สามารถตั้งเวลาในการทำ Campaign การตลาดหลาย ๆ Campaign ไว้ล่วงหน้าได้ และจะปล่อย Campaign เหล่านี้ ตามการตั้งค่าต่าง ๆ ที่คุณตั้งไว้ช่วยให้คุณสามารถประหยัดเวลาในการดูแล Campaign ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ 2. เพิ่มประสิทธิภาพ :           สามารถสร้างการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และต่อเนื่องได้ตลอดเวลา ต่างจากในอดีตที่ต้องรอผล หรือทำการคุยปรึกษาระหว่างทีม ด้วยระบบ Marketing Automation จะมีระบบที่คอยจัดการความต้องการของคุณได้อย่างทันที ทำให้ process การทำงาน, เวลา และแรงงานในการทำงานนั้นลด แถมยังช่วยประหยัดรายจ่ายเพิ่มอีกด้วย 3. ทำ CRM ในตัว :           สามารถทำการดูแลลูกค้า และดูแลคนที่จะมีโอกาสเป็นลูกค้า ไม่ให้หลุดหายไปไหน แม้ว่าจะไม่สามารถทำการขายได้ในช่วงการปฏิสัมพันธ์แรก ๆ แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ยังมีโอกาสที่จะกลายเป็นลูกค้าได้ในอนาคต 4. เก็บข้อมูลได้ :           Marketing Automation สามารถเก็บข้อมูลและทำให้รู้ถึง Touchpoint ต่าง ๆ ของลูกค้า หรือ Customer ได้ ทำให้สามารถมีข้อมูลมาสร้าง insight ทางการตลาด หรือปรับปรุงข้อมูลทางการตลาดในการทำ Campaign หรือการสื่อสารทางการตลาดได้ต่อไปอีกด้วย 5. บริหารจัดการช่องทางสื่อสารต่าง ๆ :           การตลาดในยุคใหม่มีเครื่องมือทาง digital มากมาย ทั้งสื่อ Digital ต่างๆ ที่นักการตลาดต้องดูเเล ซึ่ง Marketing Automation สามารถช่วยเเบ่งเบาภาระในการบริหารจัดการช่องทางสื่อ ที่มีมากมายเหล่านั้น ช่วยให้ทำการตลาดได้อย่างเเม่นยำ ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา อีกด้วย 6. Consistencyread more

INFLUENCER VS KOL เลือกใช้อย่างไร ให้เหมาะสมกับเเบรนด์?

INFLUENCER VS KOL               เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงเคยได้ยินคำว่า Influencer กันมาบ้างแล้ว แล้วคำว่า KOL ล่ะคืออะไร? มีบทบาทหน้าที่อะไรบ้าง? หลาย ๆ ท่านอาจจะยังไม่รู้ความหมาย เเละ ความแตกต่าง อย่างลึกซึ้งของทั้งสองคำนี้มากนัก วันนี้ Crosswalk Agency จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับสองคำนี้กันว่า คืออะไร? และ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ? Influencer หรือ ผู้ที่มีอิทธิพลบนโลกแห่ง Social Media   Influencer คือ ผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเซียลมีเดีย เป็นบุคคลที่ทำคอนเทนต์ ไม่ว่าเป็นทาง Facebook, Instagram หรือ Youtube ยิ่งบุคคลนั้นมียอดผู้ติดตามเยอะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีอิทธิพลมากเท่านั้น ซึ่งในแต่ละคนจะมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันออกไปหากแบรนด์เลือกได้ถูกคนก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น KOL  (Key Opinion Leader) หรือ ผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิด   KOL ก็ถือเป็นผู้ที่มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์เช่นเดียวกัน แต่ KOL จะเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทำให้สิ่งที่นำเสนอออกมาจะดูมีน้ำหนัก น่าเชื่อถือ และมีอิทธิพลต่อผู้ติดตาม Key Opinion Leader (KOL) เเตกต่างกับ  Influencer  อย่างไร?   สำหรับ Influencer จะเน้นการนำเสนอที่หลากหลาย และไม่จำเพาะเจาะจง ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย แต่หากเป็น KOL (Key Opinion Leader) ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ จึงทำให้เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจเฉพาะด้านมากกว่า เนื่องจาก KOL คือผู้ที่มีความรู้เฉพาะด้าน ทำให้สามารถนำเสนอคอนเท้นต์ได้อย่างเจาะลึกในเรื่องนั้นๆ และมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ทำอย่างไรจึงจะเลือกใช้ Influencer Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ?   1. ระบุเป้าหมายของธุรกิจให้ชัดเจน อย่าเพียงแต่คิดว่า คุณจะใช้ Influencer Marketing เพราะใครๆ ก็ทำกัน แต่ต้องเคลียร์ให้ชัดก่อนว่า สิ่งที่ธุรกิจคุณต้องการคืออะไร อยากสร้าง Brand Awareness เเบบไหน? อยากให้สินค้าหรือแคมเปญได้รับการพูดถึงอย่างไร? แล้วลูกค้าของคุณคือคนกลุ่มไหน? ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ต้องเคลียร์ให้ชัดก่อนเริ่มขั้นตอนถัดไป 2. เลือก Influencer ที่ตอบโจทย์ การพิจารณา Influencer ที่สามารถพาธุรกิจคุณไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ หากโจทย์คือ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง คุณอาจต้องการ Macro-influencer หรือตัวแม่แห่งวงการ ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนทั่วไปในวงกว้างได้ แต่ถ้าธุรกิจของคุณเป็นสินค้า/บริการ สำหรับคนเฉพาะกลุ่ม (์Niche Market) ก็ควรใช้ Micro-influencer ที่อาจไม่ใช่เบอร์ใหญ่นัก แต่ก็มีความเกี่ยวพัน (relevance) และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งอาจทำกำไรให้ธุรกิจของคุณได้มากกว่า 3. ออกแบบแคมเปญที่สอดคล้องกับเป้าหมาย  Influencer สามารถช่วยธุรกิจของคุณได้หลากหลายทาง ทั้งการโพสต์ภาพโปรโมท หรือการรีวิวสินค้า ซึ่งอย่างหลังนั้นดูเหมือนว่าจะสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่า ดังนั้นลองพิจารณาว่ารูปแบบไหนที่เหมาะกับสินค้าและบริการของคุณมากที่สุด 4. ให้ความสำคัญกับการติดตามเเละวัดผล การติดตามแคมเปญอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ทำให้คุณเห็นผลลัพท์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถปรับกลยุทธ์ เพื่อสร้างผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ที่ดีที่สุดได้ ซึ่งการวัดความสำเร็จจากตัวเลขที่เกิดขึ้นจริง ถือเป็นความท้าทายสำหรับการทำ Influencer Marketing ในยุคนี้ เพราะฉะนั้น เราจึงอยากให้คุณลงทุนในเครื่องมือที่สามารถ Tracking ประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยให้คุณเห็นตัวเลขผลตอบแทน (ROI) ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น   อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด โทร : 097-919-2112 หรือ Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketing Agency  

10 เทรนด์ Facebook ที่ควรรู้ก่อนปี 2021

หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่กำลังมองหาช่องทางการขยายตลาดบน Facebook อยู่ละก็… ห้ามพลาดกับบทความนี้เด็ดขาด เพราะเราได้รวบรวม และสรุปข้อมูลจาก Oberlo เกี่ยวกับ 10 เทรนด์ Facebook ที่คาดว่าจะมาแรงสุดๆ จนฉุดไม่อยู่ในปี 2021 1. การใช้งาน Facebook Live หนึ่งในเทรนด์สุดฮอตที่นิยมใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายการทางตลาด ซึ่งในปีที่ผ่านมามีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 26.8% เนื่องจากสถานการณ์จาก โควิด-19 และมีแนวโน้ม ที่จะเป็นเทรนด์ยอดนิยมในปี 2021 ที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน 2. การใช้เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) เพือสร้าง Ecosystem ปัจจุบันการเติบโตของตลาด Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีหลายโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่ และคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2021 เช่น แว่นตาอัฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี AR หรือแป้นพิมพ์เสมือนจริงที่ร่วมพัฒนากับ Logitech เป็นต้น 3. การสร้าง Video Content คอนเทนต์วีดีโอได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในปี 2020 แล้วเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันซึ่งคิดเป็น 17% ของเนื้อหาทั้งหมดบนเฟสบุ๊คที่ผู้คนชื่นชอบ 4. เทรนการสร้าง Group บน Facebook ปัจจุบันมีการสร้างกลุ่มใน Facebook มากกว่าสิบล้านกลุ่ม ซึ่งมีผู้ใช้มากถึง 1.4 พันล้านคนต่อเดือน ซึ่งในแต่ละกลุ่มก็จะดึงดูดผู้มีความชอบ หรือผู้มีความสนใจเฉพาะด้านที่แตกต่างกันออกไป เช่น กลุ่ม Digital Marketing, กลุ่มนักวาดภาพ, หรือกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ในด้านต่างๆ เป็นต้น คาดว่าในปี 2021 ที่จะถึงนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าการสร้าง Group ใน Facebook จะยังคงอยู่และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ 5. ส่งเสริม Online Shopping เนื่องจากการช็อปปิ้งออนไลน์บนเฟสบุ๊คกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทางเฟสบุ๊คจึงได้เปิดตัว Facebook Shops เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนมากขึ้น เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้หลาย ๆ คนเลือกที่จะสั่งซื้อออนไลน์มากกว่าออกไปซื้อของข้างนอก ดังนั้นการช็อปปิ้งออนไลน์จึงกลายเป็นทางเลือกยอดฮิตในปัจจุบัน 6. กลยุทธ์โฆษณาที่มุ่งเน้นไปที่ฟีดข่าวของ Facebook การทำการตลาดสิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าอะไรกำลังมาแรงในเฟสบุ๊คซึ่งไม่ได้รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลยุทธ์การโฆษณาของแบรนด์อีกด้วย ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าในไตรมาสที่ 3 ปี 2020 ฟีดข่าวของ Facebook ได้รับ 58.2% ของการใช้จ่ายค่าโฆษณามากกว่าฟีดวิดีโอและวิดีโอในสตรีม 7. เพิ่มประสิทธิภาพของ Chatbots ความรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญมากในปัจจุบัน ทำให้ เฟสบุ๊คยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงการส่งข้อความสำหรับอยู่เรื่อยๆ และเพิ่งปรับเพิ่มคุณสมบัติใหม่ล่าสุดอย่างการอนุญาตให้ผู้บริโภคทำการนัดหมายผ่าน Messenger 8. สนับสนุนและส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก และ ธุรกิจเกิดใหม่ ธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทางเฟสบุ๊คจึงได้มีมาตรการช่วยเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยให้การสนับสนุนทางด้านการเงินแก่ร้านค้าเหล่านี้ในรูปแบบของการให้เงินทุนมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์แก่ธุรกิจ 30,000 แห่งทั่วโลก และคาดว่าจะมีมาตรการนี้ต่อไปจนกว่า การแพร่ระบาดของโควิดจะหมดลง 9. สามารถสร้าง Content ได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ผ่าน Facebook การสร้าง Content เป็นหนึ่งในรูปแบบการตลาดเนื้อหา ที่มีประสิทธิภาพ และเป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า UGC คาดว่าการสร้าง Content จะยังคงเป็นหนึ่งในเทรนด์ บน Facebook ที่ใหญ่ที่สุดในปี 2021 10. การใช้แฮชแท็ก เพื่อเพิ่มอัตราการเข้าถึงของผู้ชม การใช้แฮชแท็กเปิดตัวขึ้นครั้งแรกบน Twitter ซึ่งปัจจุบันเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึง Instagram, LinkedIn หรือแม้แต่ Facebook เองก็ได้นำเอาการติดแฮชแท็กไปใช้ และเมื่อไม่นานมานี้ทางเฟสบุ๊คกำลังพัฒนาฟีเจอร์แฮชแท็กเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้มากขึ้น และกระตุ้นการมีส่วนร่วมมากขึ้น เช่น การแนะนำแฮชแท็กที่ฮิต ๆ ให้กับผู้ใช้ และรวมถึงการแสดงตัวเลขของจำนวนโพสต์ ที่มีแฮชแท็กเดียวกัน ที่อยู่บนเฟสบุ๊คอีกด้วย จะเห็นได้ว่าโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ทั่วโลกกำลังประสบปัญหา โดยเฉพาะในเรื่องของการแพร่ระบาด โควิด -19 ทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ และรายเล็ก ได้รับผลกระทบ เพราะฉะนั้น อย่าลืมหมั่นติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลใหม่read more

SEM คืออะไร ทำคู่กับ SEO ได้หรือไม่ ?

การทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน “เว็บไซต์” ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่เปรียบเสมือนหน้าร้านบนโลกออนไลน์ ที่สามารถสร้างยอดขายให้กับสินค้าของตัวเอง ยิ่งถ้าติดอันดับการค้นหาบน Search Engine อย่าง Google แล้วนั้น การเพิ่มยอดขาย การเพิ่มฐานลูกค้านั้นจะง่ายขึ้นมากๆ … แต่ก่อนจะทำให้ติดอันดับการค้นหา วิธีที่ทำได้ง่ายที่สุด คือการทำ SEO และ SEM นั่นเอง แล้ว SEM กับ SEO คืออะไรละ จะทำได้อย่างไร ? สามารถทำคู่กันได้หรือไม่ ? วันนี้ Crosswalk Agency ได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ทำธุรกิจในโลกของออนไลน์มาให้แล้วค่ะ เรามาดูความหมายของแต่ละตัวกันเลยดีกว่า SEM ย่อมาจาก Search Engine Marketing หมายถึง การทำการตลาดออนไลน์ผ่านเครื่องมือค้นหาบนอินเตอร์เน็ต โดยการซื้อโฆษณาเพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับแรกบนหน้าการค้นหาเมื่อมีการค้นหา Keyword ตามที่ได้กำหนดไว้ และทุกคนจะเห็นได้ว่า การทำการตลาดบน Google นั้น จะมีแบบทั้งที่เสียเงิน และฟรี สำหรับการทำตลาดแบบฟรี จะเรียกว่า SEO หรือ Search Engine Optimization ที่เป็นการใช้คำหลักๆ ที่เราได้กำหนดไว้ เป็นตัวแปรในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ติดอันดับได้ ส่วน SEM จะเป็นการทำการตลาดที่เสียเงิน หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า Google Ads ที่เราคุ้นเคยนั้นเอง หรือถ้าอธิบายให้เห็นภาพ เวลาเราเข้า Google แล้ว Search Keyword ที่ต้องการจะมีลิ้งค์ที่ขึ้นมาก่อน แล้วมีคำว่า โฆษณา อยู่ด้านหน้าลิ้งค์อีกที นั้นแหละค่ะ คือ การทำการตลาดบนโลกออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณติดอันดับการค้นหาได้นั่นเอง ส่วนคำถามที่ว่า เราสามารถใช้ SEM ทำคู่กับ SEO ได้หรือไม่นั้น ต้องขอบอกว่า สามารถทำคู่กันได้ แต่ไม่ได้ทำให้ส่งผลให้อันดับดีขึ้นนะคะ แต่จะมีประโยชน์ในด้านอื่นๆแทน เช่น คนเห็นเยอะขึ้น รู้จักแบรนด์สินค้าของเรามากยิ่งขึ้น สามารถทำให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าเราได้ในอนาคตโดยไม่ต้องเห็นแอดเพิ่มแล้ว ซึ่งเมื่อคนรู้จักแบรนด์เรามากขึ้นแล้ว ผลทางอ้อมในอนาคตก็จะสามารถทำให้แบรนด์เรา ติดอันดับ Google ในอนาคตได้อีก อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด โทร : 097-919-2112 หรือ Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketing Agency

งดใช้ “ คำต้องห้าม ” ผิดกฎโฆษณา Facebook เสี่ยงโดนปิดเพจ !!

หลาย ๆ คน ทราบกันดีว่า หากต้องการที่จะยิงโฆษณาสักตัว ผ่านช่องทางใน Facebook ก็จะต้องผ่านด่านตรวจจากเฟสบุ๊กก่อน ไม่ว่าจะเป็นระบบคอมพิวเตอร์ AI และเจ้าหน้าที่ตรวจโฆษณาเฟสบุ๊ก ซึ่งจุดนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ทำให้คนยิงโฆษณาหลาย ๆ คน กังวลกัน เพราะกว่าจะยิงผ่านได้แต่ละตัว จะต้องคัดกรองเนื้อหา และภาพที่จะเผยแพร่ ให้ไม่มีภาพโป๊เปลือย ภาพที่แสดงถึงความรุนแรง ภาพที่ส่งเสริมอาชญากรรม หรือแม้แต่คำ ก็ต้องไม่มี “ คำต้องห้ามในการทำโฆษณา ” อยู่ในโฆษณาโดยเด็ดขาด แล้ว “ คำโฆษณาที่เป็นคำต้องห้าม ” มีคำไหนอย่างไรบ้าง ? Crosswalk Agency ได้แบ่งเป็นหมวดหมู่ เพื่อที่ได้สะดวกต่อธุรกิจที่คุณกำลังทำอยู่ .. ใครอยู่ธุรกิจสายไหน อย่าลืมนำเอาไปปรับใช้ เพื่อให้การยิงโฆษณาผ่านได้อย่างฉลุย สามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างล้นหลามนะคะ คำโฆษณาต้องห้าม ” ธุรกิจเครื่องสำอาง “ . . . สายธุรกิจนี้ต้องระวัง เพราะสายนี้นับว่ามีความเสี่ยงมากพอสมควร เนื่องจากเป็นสายที่มีคู่แข่งทำการตลาดมาก แต่ละแบรนด์เลย ทำการโฆษณาค่อนข้างเกินจริงเยอะ เป็นจุดที่ทำให้ระบบAI และเจ้าหน้าที่เฟสบุ๊กเข้ามาเยี่ยมเยียนตรวจ Ads เราอยู่บ่อยๆ ดังนั้น คำที่ห้ามใช้ ในการทำธุรกิจสายเครื่องสำอาง มีคำว่า . . . คำโฆษณาต้องห้าม ” ธุรกิจสถาบันความงาม “ . . . ธุรกิจสายความงาม เป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยม และได้รับการเพ่งเล่งจากเฟสบุ๊กเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์ ลองมาดูกัน ว่าจะมีคำไหนบ้าง ที่ห้ามใช้ในการโฆษณาธุรกิจสถาบันความงาม . . . คำโฆษณาต้องห้าม ” ธุรกิจอาหารเสริม “ . . . สายธุรกิจนี้ต้องระวัง ไม่แพ้กลุ่มธุรกิจเครื่องสำอาง หรือสถาบันความงามเลย ไปดูกันว่า มีคำไหนอย่างไรบ้าง . . . คำโฆษณาต้องห้าม ” ธุรกิจความเชื่อ ของขลัง วัตถุมงคล “ . . . ตามนโยบายของเฟสบุ๊ก การโฆษณาเนื้อหาและรูปภาพต้องไม่มีเนื้อหา ที่แสดงถึง ศาสนา ความเชื่อต่างๆ หรือการใช้ภาพพระภิกษุ – สามเณร โดยมีเจตนาให้เกิดความเข้าใจผิด ก็ไม่สามารถโฆษณาได้เช่นเดียวกัน รวมถึงหวย หรือการพนันก็ไม่ได้ คำที่ห้ามใช้ชองธุรกิจสายนี้ มีคำว่า . . .   คำโฆษณาต้องห้าม ” ธุรกิจรับตัวแทนจำหน่าย “ . . . สำหรับการโฆษณาสินค้าแบบมีการรับตัวแทนจำหน่าย เชื่อว่าหลายๆ คน คงเคยเห็นแบรนด์อื่นๆ เน้นโชว์ “ความรวย” เป็นจุดเด่น เพื่อให้คนอยากเข้ามาสมัครเป็นตัวแทน  ซึ่งนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรค่ะ เพราะถือว่าเป็นการเข้าข่ายการโฆษณาเกินจริงไปได้ อีกอย่างที่ควรระวัง คือ การใช้ถ้อยคำที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นเครือข่ายขายตรง หรือแชร์ลูกโซ่ แล้วคำเหล่านั้นมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย . . . และนี่ คือ 5 สายธุรกิจ ที่ Facebook ได้จับตาบ่อยที่สุด ธุรกิจใครเข่าข่าย อย่าลืมมาเช็ค ” คำต้องห้าม ที่ผิดกฎโฆษณา Facebook เสี่ยงโดนปิดเพจ กันด้วยนะคะ อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency  . ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด โทร : 097-919-2112 หรือ Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketing Agency

” Rights Manager ” เครื่องมือคุ้มครองการละเมิดลิขสิทธิ์เนื้อหาของคุณทั้ง Facebook & Instagram

ระวังให้ดี !! ใครที่ชอบดูดคลิปวิดีโอของคนอื่นมาโพสต์ใหม่ ในหน้าเพจของตัวเอง .. ตอนนี้ Facebook อนุญาตให้เจ้าของสิทธิ์เดิม สามารถเข้ามาจัดการกับเพจที่ละเมิดสิทธิ์ได้แล้ว ก่อนอื่นสำหรับหลาย ๆ คน อาจจะยังไม่รู้ว่า Rights Manager คืออะไร ? … Rights Manager คือ เครื่องมือป้องกันเนื้อหาที่เป็นลิขสิทธิ์ของคุณ บน Facebook และ Instagram ด้วยการตรวจจับเนื้อหาเสียง และวิดีโอที่อาจตรงกับเนื้อหาของคุณ โดยระบบจะใช้ไฟล์อ้างอิงที่คุณอัพโหลด เพื่อระบุเนื้อหาที่อาจตรงกัน และใช้กฎและเงื่อนไขที่คุณกำหนดขึ้น . … และล่าสุด Facebook ได้เตรียมออกเครื่องมือใหม่ ที่ช่วยเพิ่มความสามารถ ใน “ Rights Manager ” ผ่านช่องทาง Creator Studio ที่นอกเหนือจาก การตรวจจับคลิปวิดิโอแล้ว นั่นก็คือ Rights Manager for Images เพื่อสำหรับเหล่าครีเอเตอร์ และ Publishers โดยเฉพาะ เพราะเป็นโปรแกรม จัดการด้านละเมิดลิขสิทธิ์เวอร์ชั่นใหม่ ที่ได้นำเทคโนโลยีการจับคู่รูปภาพเข้ามาช่วยด้วย . — . สำหรับใครที่กำลังสนใจ อยากจะใช้งานเครื่องมือ Rights Manager นี้ จะต้องทำการลงทะเบียนการเข้าถึงสิทธิ์ก่อน เพื่อให้ระบบสามารถช่วยตรวจสอบได้ ที่ https://www.facebook.com/rights_manager/apply . อ่านข้อมูลเพิ่มเติม >> Rights Manager  . อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency  . ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด โทร : 097-919-2112 หรือ Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketing Agency

” FACEBOOK ” ประกาศกฏใหม่ .. เตรียมจำกัดจำนวนโฆษณาต่อเพจ!

> เพื่อให้การลงโฆษณามีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น Facebook ได้ประกาศเตรียม ” จำกัดจำนวนโฆษณา ” ต่อเพจ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2021 หรืออีกประมาณ 5 เดือนข้างหน้า และสำหรับใครที่กำลังงงว่า Facebook ได้ออกกฏนี้มีเพื่ออะไร ? ” Crosswalk Agency มีคำตอบมาให้ทุกคนค่ะ ” คำตอบของ  Facebook ได้ให้เหตุผลว่า หากเราลงโฆษณาพร้อมกันทีเดียว เป็นจำนวนที่มากเกินไป จะส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง และเพิ่มต้นทุนการทำโฆษณาสูงขึ้น . . . ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหานี้ Facebook จึงได้มีมาตรการ และกำหนดปรเภท ของผู้ลงโฆษณาออกเป็นกลุ่มๆ ตามจำนวนเงินที่ซื้อโฆษณา Facebook ในช่วงที่ผ่านมา ตามตารางนี้   . . . และเพจสามารถดูขีดจำกัดโฆษณาสำหรับเพจได้ โดยไปที่เครื่องมือขีดจำกัดโฆษณาต่อเพจ ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านเมนู “ตัวจัดการธุรกิจ” หากเพจของคุณมีขีดจำกัดเหลืออยู่ไม่เกิน 20% ก็สามารถไปที่แท็บ ” ขีดจำกัดโฆษณาต่อเพจ ” ใน ” ภาพรวมบัญชี ” เพื่อดูทั้งขีดจำกัดโฆษณา และวิธีที่คุณสามารถลดจำนวนโฆษณาของคุณได้ >> รู้กฏใหม่ของทาง Facebook แบบนี้แล้ว …. ไม่ต้องหวั่นใจไปนะคะ เรายังพอมีเวลาในการเรียนรู้สำหรับกฏใหม่นี้ ยังไง Crosswalk Agency ก็อยากให้เพื่อนๆ เตรียมตัวลองศึกษา และนำกลยุทธ์มาปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพกันนะคะ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> Facebook For Business  หรือ Facebook For Business ” English Version ”  อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม ได้ที่ >> Crosswalk Agency  ” สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ ” สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด โทร : 097-919-2112 หรือ Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketing Agency

สื่งที่คุณควรรู้ ! ก่อนทำ Google Ads และ Facebook Ads

สำหรับมือใหม่หลายๆคน ที่อยากเข้ามาทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ แต่ไม่รู้จะใช้ตัวช่วยสำหรับยิงโฆษณาแบบไหน ? วันนี้ Crosswalk Agency จะพาทุกคนไปรู้จักกับ Google Ads และ Facebook Ads ว่าธุรกิจของคุณควรใช้การโฆษณาออนไลน์ ผ่านทางช่องทางไหน แล้วทั้งสองอย่างนี้มันต่างกันยังไงบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ >> ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ Google Ads ก่อนนะคะ จุดเด่น คือ เป็นการโฆษณาที่แสดงผลตาม Keyword ที่ผู้ใช้ได้ค้นหา ซึ่งแน่นอนว่าโฆษณาของเราต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ลูกค้ากำลังสนใจอยู่ด้วยเเล้ว นอกจากนั้น ยังมีรูปแบบของโฆษณาอีกหลายแบบที่จะช่วยให้คนรู้จักสินค้าได้มากขึ้น เช่น โฆษณาแบบแบนเนอร์ที่จะไปโผล่ตามเว็บไซต์ต่างๆ หรือที่เรียกว่า GDN >> ต่อมาทำความรู้จักกับ Facebook Ads จุดเด่น คือ สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายเองได้ เป็นการยิงโฆษณาตามความสนใจ เเละพฤติกรรมของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างโฆษณาได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนท์รูปภาพ, คอนเทนท์วิดีโอ และ Carousel อีกทั้งยังปฏิเสธไม่ได้ว่า คนส่วนใหญ่ได้มามีส่วนร่วมกันเยอะในแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งอาจจะสร้างยอดขายได้เร็วพอสมควร ความเเตกต่างของ Google Ads และ Facebook Ads หลังจากดูตารางเเล้ว หากยังมีคำถามอยู่ ว่าควรใช้อันไหนมากกว่ากัน คงไม่มีคำตอบที่ตายตัวนะคะ เพราะมันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของธุรกิจคุณด้วย ว่า ต้องการโฆษณาเพื่อสิ่งใด จะเป็นการเพิ่มการรับรู้เเละการเข้าถึง หรือต้องการขายเลย ในส่วนนี้คุณต้องประเมินความต้องการของคุณเองด้วยนะคะ ดังนั้น หากคุณยังไม่มั่นใจในทักษะ ก็สามารถมองหาทีมงานรับทำการตลาดออนไลน์ ที่สามารถปรึกษาการตลาดไปด้วยได้ มาเป็นผู้ช่วยเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้ ไปต่อยอดธุรกิจได้อีกในอนาคตนะคะ —- อ่านบทความการตลาดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> CrosswalkAgency —- สำหรับท่านใดที่สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด โทร : 097-919-2112 หรือ Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketing Agency

Google-Data-Studio
Google Data Studio คืออะไร ?

Google Data Studio คืออะไร ? Google Data Studio คือ เครื่องมือที่ช่วยในการรายงานผล จากข้อมูลที่มีตัวเลขมากๆ อ่านค่อนข้างยาก ให้ออกมาเป็นรูปภาพเพื่อง่ายต่อความเข้าใจ โดยนำข้อมูลมาสร้างเป็น กราฟ, แผนภูมิ, Heat map, ตาราง, แผนที่ ฯลฯ ช่วยให้เห็นภาพข้อมูลอย่างชัดเจน สามารถแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกได้อย่างง่ายดายและสวยงาม นอกจากนี้ผู้ใช้งานสามารถทำการแก้ไขการรายงานผลได้แบบ Real time อีกด้วย ภาพรวมในการทำงานของ Google Data Studio – เตรียมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ (Data) เนื่องจาก Google Data Studio เป็นเครื่องมือที่ช่วยรายงานผล ดังนั้นการที่เราจะนำข้อมูลมากมายมาวิเคราะห์ ตีความ ได้นั้นต้องมีการเก็บข้อมูลที่ดีและแม่นยำก่อน เพราะการแสดงผลจะอ้างอิงจากข้อมูลที่มีอยู่ – เชื่อมโยงข้อมูล (Connect) คือการดึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูล (Data Source) ที่เราต้องการนำมาใช้ในการแสดงผล รวมถึงสามารถเลือกเขตข้อมูล (Field) ให้แสดงผลตามที่ต้องการได้อีกด้วย -เลือกรูปแบบ (Templates) Google Data Studio มี Templates ที่ใช้ในการนำเสนอเป็นภาพที่เข้าใจง่าย ให้เลือกหลากหลายรูปแบบและสามารถตกแต่งครีเอทได้อย่างสวยงาม – การส่งต่อข้อมูล (Share) สามารถส่งต่อข้อมูลนำเสนอให้เพื่อนร่วมงานหรือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทำข้อมูลให้ออกมาเป็นภาพที่เข้าใจง่าย สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติได้อย่างง่ายดายไม่ซับซ้อน   ข้อดีของ Google Data Studio 1. ไม่เสียค่าใช้จ่าย 2. ช่วยแก้ปัญหาการโหลดหนักๆ ของฐานข้อมูลในการแสดงผล 3. รองรับฐานข้อมูลได้หลายรูปแบบ 4. ดึงข้อมูลได้แบบ Real time จากหลังบ้าน ไม่ต้องนำข้อมูลมากรอกเอง 5. เข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลา 6. จำกัดการเข้าถึงข้อมูลในแต่ละส่วนได้ 7. สร้างการนำเสนอที่หลากหลายสวยงามง่ายต่อการใช้งาน 8. สามารถแชร์ให้เพื่อนร่วมงานรวมถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและ Responsive ในทุกอุปกรณ์ 9. สามารถดึงข้อมูลสรุปรายงานสถิติ ทั้งทาง Facebook Ads และ Google Ads ได้   เริ่มต้นใช้งาน Google Data Studio > datastudio.google.com หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ … Google Analytics Academy   สำหรับท่านใดที่สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด โทร : 097-919-2112 หรือ Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketing Agency

google course
Google ใจดี “แจกคอร์ส” เรียนฟรี! แถมมีใบรับรอง!

… เอาละค่ะ ช่วงนี้ ใครที่อยู่ว่างๆ ได้เวลาอัพสกิลเพิ่มความรู้กันแล้วนะ เพราะบริษัทชื่อดังอย่าง Google เค้าใจดีแจกคอร์สออนไลน์ให้เรียนฟรี และที่สำคัญ เมื่อเรียนจนจบคอร์ส ก็จะได้รับใบรับรองการเรียนอีกด้วย ซึ่งสามารถนำไปใช้ประกอบการสมัครงานที่เกี่ยวข้องได้ ‼ … ถ้าใครสนใจอยากเรียน ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ยาก เพียงเเค่กดลงทะเบียน หลังจากนั้นก็เริ่มเรียนได้เลย จะมีคอร์สไหนน่าสนใจบ้าง CROSSWALK  AGENCY ขอพาทุกคนไปดูพร้อมกันเลย 1. Google Analytics for Beginners มีทั้งหมด 4 Unit กดที่ลิงค์ >> Google Analytics for Beginners 2. Advanced Google Analytics มีทั้งหมด 4 Unit กดที่ลิงค์ >> Advanced Google Analytics 3. Google Analytics for Power Users มีทั้งหมด 4 Unit กดที่ลิงค์ >> Google Analytics for Power Users 4. Getting Started With Google Analytics 360 มีทั้งหมด 7 Unit กดที่ลิงค์ >> Getting Started With Google Analytics 360 5. Introduction to Data Studio มีทั้งหมด 4 Unit กดที่ลิงค์ >> Introduction to Data Studio 6. Google Tag Manager Fundamentals มีทั้งหมด 4 Unit กดที่ลิงค์ >> Google Tag Manager Fundamentals   อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> Learn analytics with free online courses หรืออ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> Crosswalk Agency   สำหรับท่านใดที่สนใจปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ สามารถติดต่อปรึกษาได้ที่บริษัท ทางม้าลายเอเจนซี่ จำกัด โทร : 097-919-2112 หรือ Facebook Fanpage : Crosswalk – Digital Marketing Agency