Category: Uncategorized

AI ปฏิวัติโลกคอนเทนต์! 10 กลยุทธ์สร้างสรรค์คอนเทนต์ยุคดิจิทัลด้วย AI Tools

       ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและความเร็ว AI (Artificial Intelligence) ได้ก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของการสร้างคอนเทนต์อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่กระแสที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่เป็นรากฐานใหม่ที่กำลังปรับเปลี่ยนวิธีที่เราคิด สร้างสรรค์ เผยแพร่ และวัดผลคอนเทนต์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เหตุผลสำคัญที่ AI กลายเป็นขุมพลังสำคัญในการสร้างคอนเทนต์ยุคใหม่นั้นชัดเจน: เพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับคุณภาพคอนเทนต์: AI ลดงานซ้ำซาก เช่น วิจัยคีย์เวิร์ดและตรวจทาน ทำให้ทีมโฟกัสงานสร้างสรรค์ AI วิเคราะห์ข้อมูล ระบุเทรนด์ สร้างเนื้อหาตอบโจทย์แม่นยำ สร้างประสบการณ์คอนเทนต์ส่วนบุคคลและเสริมพลัง SEO: AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ นำเสนอเนื้อหาเฉพาะบุคคล AI แนะนำคีย์เวิร์ดและโครงสร้าง ช่วยให้คอนเทนต์ติดอันดับบน Search Engine วิเคราะห์ผลลัพธ์แม่นยำและปลดล็อกรูปแบบคอนเทนต์ใหม่: AI วิเคราะห์การมีส่วนร่วมผู้อ่าน นำข้อมูลปรับปรุงกลยุทธ์ AI สร้างสรรค์คอนเทนต์รูปแบบใหม่ เช่น ปรับเปลี่ยนเนื้อหาเรียลไทม์ สร้างวิดีโออัตโนมัติ   เพื่อก้าวให้ทันยุคของการปฏิวัติคอนเทนต์ด้วย AI นี่คือ 10 กลยุทธ์สำคัญในการสร้าง Content ยุคใหม่ด้วย AI Tools การวิเคราะห์ข้อมูลและเทรนด์ด้วย AI: AI ทำหน้าที่เสมือนนักวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง ประมวลผลข้อมูลมหาศาลเพื่อทำความเข้าใจลึกซึ้งถึงพฤติกรรมและความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เครื่องมือ AI อย่าง Google Trends และ Ahrefs ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและเนื้อหายอดนิยม เพื่อวางแผนและสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตรงใจผู้อ่านได้อย่างแม่นยำ การสร้างหัวข้อและโครงร่างเนื้อหาด้วย AI: หมดกังวลกับการคิดหัวข้อคอนเทนต์ที่ใช้เวลานาน ด้วย AI Tools เช่น HubSpot’s Blog Ideas Generator และ ChatGPT ที่สามารถช่วยสร้างไอเดียหัวข้อที่น่าสนใจ พร้อมโครงร่างเนื้อหาที่ละเอียด ช่วยประหยัดเวลาอันมีค่าในการเริ่มต้นกระบวนการสร้างสรรค์คอนเทนต์ การเขียนเนื้อหาด้วย AI Writing Assistant: AI Writing Assistants อย่าง Jasper และ GPT-4 เปรียบเสมือนผู้ช่วยนักเขียนอัจฉริยะ ที่สามารถสร้างร่างแรกของเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตคอนเทนต์อย่างมาก อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบและปรับปรุงโดยมนุษย์ยังคงสำคัญ เพื่อเติมเต็มเอกลักษณ์และน้ำเสียงของแบรนด์ การสร้าง Visual Content ด้วย AI: ภาพและวิดีโอที่น่าสนใจคือหัวใจสำคัญของคอนเทนต์ยุคใหม่ AI Tools เช่น DALL-E 2 และ Canva ช่วยให้การสร้างสรรค์ภาพและวิดีโอเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว แม้ผู้ที่ไม่มีทักษะด้านการออกแบบก็สามารถสร้างสรรค์ Visual Content ที่น่าประทับใจได้ การทำ SEO ด้วย AI Tools: การทำให้คอนเทนต์ปรากฏบนหน้าแรกของ Search Engine เป็นสิ่งสำคัญ AI Tools อย่าง SEMrush และ Surfer SEO ช่วยวิเคราะห์คีย์เวิร์ด ปรับปรุง On-Page SEO วิเคราะห์คู่แข่ง และสร้างเนื้อหาที่ครอบคลุม เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับสูงและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ การสร้าง Personalized Content ด้วย AI: AI วิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งาน สร้างโปรไฟล์ และนำเสนอเนื้อหาที่ปรับให้เหมาะสมกับความสนใจและพฤติกรรมของแต่ละบุคคล รวมถึงการสร้าง Dynamic Content และ Personalized Email Campaigns เพื่อเพิ่มความผูกพันกับผู้ใช้งานและกระตุ้นยอดขาย การทำ Content Curation ด้วย AI: การคัดเลือกเนื้อหาที่มีคุณค่าจากหลากหลายแหล่งมานำเสนอแก่ผู้อ่านเป็นเรื่องง่ายด้วย AI Tools เช่น Feedly AI และ Curata ที่ช่วยค้นหา คัดกรอง สรุป จัดหมวดหมู่ และนำเสนอเนื้อหาที่ทันสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดเวลาและมอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ การสร้าง Interactive Content ด้วย AI: AI สร้างสรรค์ Interactive Content ที่น่าสนใจ เช่น Chatbots และ Personalized Quizzes เพื่อยกระดับการมีส่วนร่วมของผู้ชม สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพ การวัดผลและปรับปรุง Content ด้วย AI: AI Tools เช่นread more

ROI สุดปัง! เคล็ดลับใช้ Influencer Marketing ให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า

        ในยุคดิจิทัลที่ Influencer Marketing กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภค การลงทุนในส่วนนี้จึงเป็นสิ่งที่หลายธุรกิจให้ความสนใจ แต่คำถามสำคัญคือ เราจะวัดผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI – Return on Investment)  ได้อย่างไร และทำอย่างไรให้การใช้ Influencer Marketing นั้น “สุดปัง” คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ Marketing ชวนเม้า จะพาคุณไปเจาะลึกถึงความหมายของ ROI ในโลก Influencer Marketing พร้อมเผยเคล็ดลับการวางแผนและดำเนินการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ  ทำอย่างไรให้ Influencer Marketing “สุดปัง” ได้ ROI ที่น่าพึงพอใจ? หัวใจสำคัญของการใช้ Influencer Marketing ให้ได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมอยู่ที่การวางแผนและดำเนินการอย่างมีกลยุทธ์ ดังนี้ การเลือก Influencer ที่เหมาะสม: นี่คือขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด เปรียบเสมือนการเลือกคู่ค้าที่ใช่ หากเลือกผิดชีวิตเปลี่ยน! โดยพิจารณาจาก   กลุ่มเป้าหมายที่ตรงกัน: ผู้ติดตามของ Influencer ต้องเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์   Engagement Rate ที่ดี: อัตราการมีส่วนร่วมของผู้ติดตามกับคอนเทนต์ของ Influencer บ่งบอกถึงความสนใจและความสัมพันธ์ที่แท้จริง   สไตล์การนำเสนอที่สอดคล้องกับแบรนด์: น้ำเสียงและวิธีการสื่อสารของ Influencer ต้องเข้ากับภาพลักษณ์ของแบรนด์ การวางแผนกลยุทธ์ที่รอบคอบ: กำหนดทิศทางของแคมเปญให้ชัดเจน   กำหนดเป้าหมาย: ต้องการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ เพิ่มยอดขาย สร้าง Engagement หรือโปรโมทคอนเทนต์   เลือกแพลตฟอร์ม: ช่องทางไหนที่กลุ่มเป้าหมายของคุณใช้งานมากที่สุด   กำหนดประเภทของคอนเทนต์: วิดีโอ รีวิว รูปภาพ หรือการ Live สด   วางแผนระยะเวลา: แคมเปญควรมีระยะเวลานานเท่าใด การสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจ: ทำงานร่วมกับ Influencer อย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้คอนเทนต์ที่โดดเด่น   ดึงดูดและน่าสนใจ: คอนเทนต์ต้องสร้างความสนใจและกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม   สื่อสารถึงคุณค่าของแบรนด์อย่างเป็นธรรมชาติ: เน้นประโยชน์และคุณสมบัติของสินค้า/บริการอย่างแนบเนียน   ให้ Influencer มีอิสระในการสร้างสรรค์: เคารพสไตล์และความคิดสร้างสรรค์ของ Influencer เพื่อให้คอนเทนต์ดูเป็นธรรมชาติและน่าเชื่อถือ การติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง: การวัดผลคือสิ่งสำคัญที่จะบอกว่าแคมเปญประสบความสำเร็จหรือไม่   ติดตามตัวชี้วัด (Metrics): ดูจำนวน Reach, Impressions, Engagement, คลิก, Conversion, ยอดขาย และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย   วิเคราะห์ข้อมูล: ทำความเข้าใจว่าอะไรที่ได้ผลดีและอะไรที่ควรปรับปรุง   ปรับปรุงกลยุทธ์: นำข้อมูลที่ได้มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและ ROI ในแคมเปญต่อไป ประเภทของแคมเปญ Influencer Marketing กับ ROI ที่คาดหวัง แคมเปญ Influencer Marketing มีหลากหลายรูปแบบ และแต่ละประเภทก็มีตัวชี้วัด ROI ที่แตกต่างกันไป แคมเปญเพิ่มการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness Campaigns): ROI หลักจะวัดจาก จำนวนการเข้าถึง (Reach), จำนวนการแสดงผล (Impressions), การกล่าวถึงแบรนด์ (Brand Mentions), และการเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกต่อแบรนด์ (Sentiment) แคมเปญเพิ่มยอดขายโดยตรง (Direct Sales Campaigns): ROI หลักจะเน้นไปที่ ยอดขายที่เพิ่มขึ้น, จำนวน Conversion, มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ย, และ ROI ที่คำนวณได้โดยตรงจากยอดขาย แคมเปญสร้าง Engagement: ROI อาจวัดจาก อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate), จำนวนความคิดเห็น, จำนวนการแชร์, และการเติบโตของฐานผู้ติดตาม แคมเปญโปรโมทคอนเทนต์: ROI อาจวัดจาก จำนวนการคลิก, จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์, เวลาที่ใช้บนเว็บไซต์,  และจำนวน Lead ที่ได้รับ สรุป: การใช้ Influencer Marketing ให้ได้ “ROI สุดปัง” ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ต้องมีการวางแผนที่รอบคอบ เลือก Influencer  ที่เหมาะสม สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจ และติดตามวิเคราะห์ผลลัพธ์อย่างสม่ำเสมอ หากทำได้ตามนี้read more

Marketing ชวนเม้าท์ มาทำความรู้จัก Introvert Marketing การตลาดแบบใหม่ที่เข้าใจคนเงียบ

คำว่า Introvert Marketing เป็นแนวคิดที่น่าสนใจและตรงข้ามกับการตลาดแบบดั้งเดิมที่เน้นความดัง และการดึงดูดความสนใจอย่างรุนแรง มาทำความเข้าใจรายละเอียดกันก่อน แล้วค่อยเปรียบเทียบกับแนวทางอื่นๆ ให้เห็นภาพชัดเจน   Introvert Marketing คืออะไร? Introvert marketing คือกลยุทธ์การตลาดที่ออกแบบมาเพื่อเข้าถึงและดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่เป็น introvert หรือผู้ที่มีลักษณะนิสัยขี้อายหรือไม่ชอบความสนใจมากเกินไป ในขณะที่การตลาดทั่วไปอาจจะเน้นการกระตุ้นความสนใจและการมีปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบที่ชัดเจน เช่น การจัดกิจกรรมหรือการโฆษณาที่โดดเด่น Introvert marketing จะเน้นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจ และไม่รู้สึกกดดันที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์หรือแสดงออกมากเกินไป กลยุทธ์นี้อาจจะรวมถึง: การให้ข้อมูลที่ชัดเจนและมีคุณค่า การใช้เนื้อหาที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและไม่รบกวน การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและไม่เป็นการบังคับ   ลักษณะเด่นของ Introvert Marketing น้ำเสียง: สุภาพ จริงใจ ไม่กระโตกกระตาก  การสื่อสาร: เน้นเขียนที่มีคุณค่า ไม่หวือหวา เช่น บทความ ลิสต์อีเมล บล็อก  เนื้อหา: เชิงลึก เจาะใจ เจาะความรู้สึก ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม  กลยุทธ์: คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง, SEO, email, รีวิวจากลูกค้า  จุดเด่น: สร้างความสัมพันธ์ระยะยาว ไม่เร่งขายแต่เร่งความเข้าใจ    การเปรียบเทียบกับ Marketing แบบอื่น ประเภท Introvert Marketing  Extrovert Marketing (แบบดั้งเดิม)  เป้าหมาย สร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้ง เรียกร้องความสนใจทันที เครื่องมือหลัก บทความ, Email, SEO, Podcast โฆษณา, Influencer, Viral content โทน เงียบ นิ่ง ลึก สดใส ดัง เร้าใจ การเน้นย้ำ การให้คุณค่า ความเชื่อใจ  การขาย การสร้าง FOMO Fear of Missing out ตัวอย่างธุรกิจ Coach, นักบำบัด, อสังหาฯ เฉพาะกลุ่ม สินค้าแฟชั่น, อีเวนต์, แคมเปญเร็วแรง   Introver Marketing เหมาะกับใคร? แบรนด์ที่ขายสินค้าหรือบริการที่ต้อง “อธิบาย” หรือ “ทำความเข้าใจ” เช่น บ้านราคา 20 ล้าน+, โปรแกรม coaching, ธุรกิจเฉพาะกลุ่ม กลุ่มเป้าหมายที่ “ไม่ชอบถูกขาย” ชอบหาข้อมูลเอง เช่น introvert, smart buyer, high involvement buyer   โดยรวมแล้ว introvert marketing จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายและสามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระ โดยไม่รู้สึกว่าต้องทำตามความคาดหวังหรือแรงกดดันจากการตลาด   หรืออธิบายง่ายๆ คือ **Introvert Marketing** คือแนวทางการตลาดที่ใช้ความเงียบ เรียบง่าย และจริงใจเป็นจุดแข็ง มุ่งเน้นไปที่ “connection over attention” หรือการเชื่อมโยงกับลูกค้าด้วยเนื้อหาที่ลึก ซื่อสัตย์ และสม่ำเสมอ มากกว่าการเรียกร้องความสนใจแบบฉาบฉวย

ขนาดรูป Facebook สำคัญยังไง ทำไมต้องรู้?

เพราะ Facebook คือโซเชียลมีเดียยอดฮิตที่ใครๆ ก็ใช้! การทำคอนเทนต์ให้ปังบน Facebook จึงสำคัญมาก โดยเฉพาะรูปภาพและวิดีโอ ที่ต้องโดดเด่น สะดุดตา แต่เดี๋ยวก่อน! รู้หรือไม่ว่า Facebook มีการอัปเดตขนาดรูปภาพอยู่เรื่อยๆ อย่าปล่อยให้คอนเทนต์ของคุณตกยุค! Content Shifu รวบรวม 7 ไอเดีย ขนาดรูป Facebook ปี 2025 สำหรับ New Pages Experience มาให้แล้ว! 1. อัลบั้มแนวตั้ง (1+2, 1+3, 2+3)  – เล่าเรื่องราวผ่านอัลบั้มรูปแนวตั้ง: ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราวสินค้า รีวิว หรือแม้แต่การ์ตูนสั้นๆ อัลบั้มแนวตั้งช่วยให้คุณจัดเรียงเนื้อหาได้อย่างเป็นระเบียบ สวยงาม และดึงดูดสายตา – จัดวางภาพหน้าปกสุดครีเอท: ใช้รูปปกเป็นตัวดึงดูดความสนใจ เช่น ภาพ Highlight สินค้า ภาพตัวละครหลัก หรือภาพสรุปเนื้อหา – ขนาดรูปที่แนะนำ:      1+2: เหมาะกับการนำเสนอเนื้อหาสั้นๆ กระชับ รูปปก: 960×1920 px (1:2) เน้นความสูงของภาพ รูปเนื้อหา: 1920×1920 px (1:1) แสดงรายละเอียดเพิ่มเติม 2 ภาพ      1+3: เหมาะกับการนำเสนอเนื้อหาที่ต้องการรายละเอียดมากขึ้น รูปปก: 1280×1920 px (2:3) รูปเนื้อหา: 1920×1920 px (1:1) แสดงรายละเอียดเพิ่มเติม 3 ภาพ       2+3: เหมาะกับการเล่าเรื่องที่ต้องการภาพเปิด 2 ภาพ รูปปก: 1920×1920 px (1:1) 2 ภาพแรกช่วยสร้างความน่าสนใจ รูปเนื้อหา: 1920×1280 px (3:2) แสดงรายละเอียดเพิ่มเติม 3 ภาพ – ข้อควรระวัง: จำนวนรูปในอัลบั้มมีผลต่อ Layout การแสดงผล หากใส่รูปเกิน Facebook จะปรับ Layout ให้อัตโนมัติ Tagline: “อัลบั้มแนวตั้ง เล่าเรื่องได้โดนใจ จัดวางรูปสวย ใครเห็นก็ต้องกดไลค์” 2. อัลบั้มแนวนอน (1+2, 1+3, 2+3) – เหมาะกับคอนเทนต์ยาวๆ หลายหน้า: เช่น การ์ตูนตอนๆ Infographic บทความ เมนูอาหาร – ดึงดูดคนอ่านให้คลิกเข้ามาดู: ใช้รูปหน้าปกที่น่าสนใจ กระตุ้นความอยากรู้ – ขนาดรูปที่แนะนำ:     1+2: รูปปก 1920×960 px (2:1) รูปเนื้อหา 1920×1920 px (1:1)     1+3: รูปปก 1920×1280 px (3:2) รูปเนื้อหา 1920×1920 px (1:1)     2+3: รูปปก 1920×1920 px (1:1) รูปเนื้อหา 1920×1920 px (1:1) – ข้อควรระวัง: จำนวนรูปในอัลบั้มมีผลต่อ Layout การแสดงผล Tagline: “อัลบั้มแนวนอน เล่าเรื่องยาวๆ ได้ไม่มีสะดุด คนอ่านเพลิน คอนเทนต์ปัง!” 3. อัลบั้มจัตุรัส (4 รูป) – โชว์สินค้า / ภาพกิจกรรมแบบ 4 ช่อง: จัดวางรูปภาพให้เป็น Grid สวยงาม – ขนาดทุกรูป: 1920×1920 pxread more

Marketing ชวนเม้าท์! กลยุทธ์ปั้นแบรนด์ให้โดนเด่นเหนือคู่แข่ง ด้วย Character Marketing

Marketing ชวนเม้าท์! กลยุทธ์ปั้นแบรนด์ให้โดนเด่นเหนือคู่แข่ง ด้วย Character Marketing ไม่มีใครไม่รู้จักน้องหมีเนย!! ดาราสาวสุด HOT ครองใจหนุ่ม ๆ สาว ๆ ทั่ววงการในตอนนี้ คาเร็กเตอร์สุดน่ารักจากแบรนด์ BUTTERBEAR ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เป็นเคสตัวอย่างสำหรับแบรนด์อื่น ๆ ที่อยากสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง ซึ่งในยุคสมัยนี้ต้องใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างและสร้างสรรค์ หนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมและผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดคือ “Character Marketing” หรือการตลาดที่ใช้ตัวละครเป็นตัวแทนแบรนด์ เทคนิคนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้แบรนด์ของเราน่าจดจำ แต่ยังช่วยสร้างความผูกพันกับลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง มาเม้าท์กันว่า Character Marketing คืออะไร? แบรนด์สามารถใช้เพื่อปั้นแบรนด์ให้เหนือคู่แข่งได้อย่างไร! Character Marketing คืออะไร? การสร้างตัวละครสำหรับแบรนด์เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจกับจุดยืนและค่านิยมของแบรนด์ ตัวละครที่สร้างขึ้นควรสะท้อนถึงคุณสมบัติเหล่านั้น เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงและมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ตัวละครอาจเป็นผู้นำที่มีไหวพริบ นักผจญภัยที่ชอบความท้าทาย หรือแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ เป็นต้น ซึ่งตัวละครเหล่านี้สามารถเป็นสัตว์ คน หรือแม้กระทั่งวัตถุไม่มีชีวิตที่มีคุณสมบัติพิเศษ  ตัวละครเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อสื่อสารค่านิยม สินค้าหรือบริการของแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือตัวละครเหล่านี้ควรสามารถสื่อสารได้ทั้งในสภาพแวดล้อมออนไลน์และออฟไลน์ ทริคการสร้างตัวละครสำหรับแบรนด์ กำหนดเอกลักษณ์แบรนด์: ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจว่าแบรนด์ของเราต้องการสื่อสารอะไร มีค่านิยมอย่างไร เพื่อที่จะสามารถสร้างตัวละครที่สอดคล้องกับแบรนด์ได้อย่างเหมาะสม ออกแบบตัวละคร: ตัวละครควรมีลักษณะที่น่าจดจำและสามารถสื่อถึงแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นผ่านท่าทาง สีสัน หรือลักษณะนิสัย ใช้ตัวละครในการสื่อสาร: ใช้ตัวละครในการทำการตลาดและสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางโฆษณา โซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งกิจกรรมส่งเสริมการขาย การปรับใช้ตัวละครในกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ในโลกของการตลาดออนไลน์ ตัวละครสามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น การนำเสนอผ่านเนื้อหาวิดีโอ, โซเชียลมีเดีย, และแคมเปญโฆษณา การใช้ตัวละครในโซเชียลมีเดียช่วยให้เนื้อหามีความสดใหม่และน่าติดตาม และยังช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมจากผู้ติดตาม นอกจากนี้ยังสามารถใช้ตัวละครเหล่านี้ในการส่งข้อความส่งเสริมการขายและข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น Character Marketing ไม่เพียงแต่เป็นเทคนิคที่น่าสนใจและสนุกสนานในการทำการตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการสร้างแบรนด์ที่มีความโดดเด่นและความผูกพันกับลูกค้า ทำให้เอเจนซี่การตลาดและธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าถึงและรักษาฐานลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง หากต้องการทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีควรมีผู้ช่วยที่ดีคอยให้คำปรึกษา และอัพเดตเทรนด์การตลาดอยู่ตลอดเวลา Crosswalk Agency ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 10 ปี พร้อมช่วยสร้าง Branding วางแพลน Marketing และมีทีม Production คุณภาพให้บริการ ไม่ว่าจะแบรนด์เล็กหรือแบรนด์ใหญ่ก็ทำการตลาดให้ปังได้!! สอบถามแพ็คเกจพร้อมรับราคาพิเศษคลิกเลย ที่นี้

Marketing ชวนเมาท์ กลยุทธ์เปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้กลายเป็นลูกค้าได้ง่าย ๆ

กลยุทธ์เปลี่ยนผู้เข้าชม”เว็บไซต์”ให้กลายเป็นลูกค้าได้ง่าย ๆ การเปลี่ยนผู้เข้าชม”เว็บไซต์”ให้กลายเป็นลูกค้าไม่ใช่เพียงการขายสินค้าหรือบริการ แต่เป็นศิลปะและวิทยาการที่ต้องใช้กลยุทธ์และเทคนิคที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มการแปลงจากผู้เยี่ยมชมเป็นผู้ซื้อจริง ในบทความนี้ จะแนะนำวิธีการที่เอเจนซี่การตลาดสามารถใช้เพื่อดึงดูดและเปลี่ยนผู้เยี่ยมชม เว็บไซต์ ไปสู่การเป็นลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และการใช้ SEO การทำ SEO หรือการเพิ่มประสิทธิภาพ เว็บไซต์ สำหรับการค้นหาเป็นกลยุทธ์หลักในการดึงดูดผู้เข้าชมที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้อง การใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม การสร้างเนื้อหาที่มีค่าและการเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างหน้าเว็บจะช่วยให้ เว็บไซต์ ปรากฏอยู่ในอันดับสูงของผลการค้นหา ทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่ผู้เข้าชมจะเปลี่ยนเป็นลูกค้า การใช้ป๊อปอัพและการเสนอข้อเสนอพิเศษ การใช้ป๊อปอัพบน เว็บไซต์ สามารถเป็นวิธีที่ดีในการจับความสนใจของผู้เข้าชม โดยเฉพาะเมื่อนำเสนอข้อเสนอพิเศษหรือส่วนลด ต้องแน่ใจว่าการใช้ป๊อปอัพเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และไม่รบกวนประสบการณ์ผู้ใช้ในทางลบ การสร้างฟอร์มติดต่อที่ง่ายและชัดเจน ฟอร์มติดต่อหรือฟอร์มลงทะเบียนที่ออกแบบมาอย่างดีสามารถช่วยให้ผู้เข้าชม เว็บไซต์ สนใจลงทะเบียนหรือติดต่อสอบถามได้ง่ายขึ้น ต้องมั่นใจว่าฟอร์มเหล่านี้ง่ายต่อการใช้งานและไม่ยุ่งยากหรือใช้เวลานานเกินไปในการกรอก การใช้สื่อวิดีโอและ Infographic สื่อวิดีโอและอินโฟกราฟิกสามารถช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและแปลงการขายได้ วิดีโอที่มีเนื้อหาน่าสนใจและอินโฟกราฟิกที่ให้ข้อมูลสรุปสามารถช่วยให้ผู้เข้าชมเข้าใจข้อมูลได้เร็วขึ้นและทำให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น การใช้บล็อกและเนื้อหาเพื่อสร้างความเชื่อมั่น การมีบล็อกที่มีเนื้อหาอัปเดตเป็นประจำไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่อง SEO เท่านั้น แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นและแสดงถึงความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมด้วย การนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณภาพและมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการแปลงผู้เข้าชมให้เป็นลูกค้า การเพิ่มอัตราการแปลงผู้เข้าชม เว็บไซต์ ให้กลายเป็นลูกค้าไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ภายในหนึ่งคืน แต่ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่ถูกต้องและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจได้ อยากสร้างเว็บไซต์เพื่อการเติบโตของธุรกิจ ปรึกษา Crosswalk Agency ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 10 ปี พร้อมช่วยสร้าง Branding วางแพลน Marketing และมีทีม Production คุณภาพให้บริการ ไม่ว่าจะแบรนด์เล็กหรือแบรนด์ใหญ่ก็ทำการตลาดให้ปังได้!! คลิกที่นี้เลย 

มาเก็ตติ้งชวนเม้าท์! ทำไมแบรนด์ใหญ่ต้องแย่งเป็น Sponsor ใน Olympic Games Paris 2024

งานกีฬาระดับโลกอย่างงาน Olympic Games นั้นไม่ใช่แค่เพียงธุรกิจหรือ  แบรนด์สายกีฬาเท่านั้นที่แย่งกันจับจองให้มีส่วนร่วมในงาน แต่ แบรนด์ ใหญ่ ๆ ในทุกอุตสาหกรรมต่างจับจ้องเพื่อให้ได้เป็น 1 ใน Sponsorship ของงานนี้ทั้งนั้น! เพราะการได้เป็นผู้สนับสนุนงานกีฬาใหญ่ระดับโลกอย่างโอลิมปิกเกมส์ ไม่เพียงแค่เพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งโอกาสทางการตลาดที่หลากหลาย โดยเฉพาะในงาน Olympic Games Paris 2024 ที่ผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ    การเพิ่มการรับรู้ของ แบรนด์ ทั่วโลก (Global Brand Awareness) โอลิมปิกเกมส์เป็นหนึ่งในงานกีฬาที่มีการถ่ายทอดสดไปยังผู้ชมทั่วโลก ด้วยผู้ชมหลายพันล้านคนจากหลากหลายประเทศ แบรนด์ที่เป็นสปอนเซอร์จะได้รับการเปิดเผยในระดับโลก ช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดที่อาจจะยังไม่เคยเข้าถึงมาก่อน   การเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ (Brand Credibility) การเป็นผู้สนับสนุนงานโอลิมปิก ซึ่งเป็นงานที่เน้นการรวมพลังและความร่วมมืออย่างทั่วถึง จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพให้กับแบรนด์ ผู้บริโภคมักมองว่าแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับโอลิมปิกเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพและมีความรับผิดชอบทางสังคม   โอกาสในการสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ (Emotional Connection) การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมักสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจ ความสามัคคี และความหวังให้กับผู้ชมทั่วโลก แบรนด์ที่สนับสนุนโอลิมปิกสามารถใช้โอกาสนี้ในการเชื่อมโยงกับผู้บริโภคในระดับอารมณ์ ซึ่งช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและยาวนานยิ่งขึ้นกับกลุ่มเป้าหมาย   การสร้างโอกาสในการทำกิจกรรมการตลาดและโปรโมชัน (Marketing and Promotional Opportunities) การเป็นสปอนเซอร์ของโอลิมปิกเปิดโอกาสให้แบรนด์ได้ทำกิจกรรมการตลาดต่าง ๆ เช่น การเปิดตัวสินค้าใหม่ การจัดโปรโมชันพิเศษ และการทำแคมเปญโฆษณาที่สอดคล้องกับธีมของโอลิมปิก ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและเพิ่มยอดขายได้   การเสริมสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้าและคู่ค้า (Strengthening Customer and Partner Relationships) การสนับสนุนโอลิมปิกไม่เพียงแต่เป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนกีฬาระดับโลก แต่ยังแสดงถึงความตั้งใจในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมระดับโลกด้วย การที่แบรนด์ใหญ่เข้าร่วมโอลิมปิกสามารถช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นกับลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ   การเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย (Access to Diverse Consumer Groups) โอลิมปิกเกมส์เป็นงานที่ดึงดูดผู้ชมจากทุกวัย ทุกเพศ ทุกวัฒนธรรม ซึ่งทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลายได้ในคราวเดียวกัน การสนับสนุนโอลิมปิกจึงเป็นโอกาสที่แบรนด์สามารถขยายฐานลูกค้าได้ในหลายตลาดพร้อมกัน   แม้ว่าการได้เป็น Sponsor ของงานกีฬาระดับโลกจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แม้จะเป็นแบรนด์ใหญ่เองก็ตาม แต่หากได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งสปอนเซอร์แล้วผลตอบแทนที่แบรนด์จะได้รับนั้นก็คุ้มค่ามาก ๆ เลยทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แบรนด์ใหญ่ ๆ จะลงสนามแย่งเป็นสปอนเซอร์ในงาน Olympic Games Paris 2024   อยากอัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับการตลาดหรือเครื่องมือการตลาดเจ๋ง ๆ ติดตาม Crosswalk Agency ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 10 ปี พร้อมช่วยสร้าง Branding วางแพลน Marketing และมีทีม Production คุณภาพให้บริการเพื่อสร้างสรรค์ธุรกิจของคุณให้เติบโต

มาเก็ตติ้งชวนเม้าท์! 3 ข้อดีใช้ IG Stories ทำการตลาด

โซเชียลมีเดียที่คนไทยส่วนมากคุ้นเคยก็คงไม่พ้น FACEBOOK และ INSTAGRAM (IG) แต่สำหรับ User ส่วนใหญ่ที่ใช้งาน IG นั้นจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานเป็นหลัก อีกทั้ง user กลุ่มนี้จะติดตามแบรนด์หรือบุคคลที่ตรงกับ ‘ความสนใจ’ ของตัวเองเป็นหลัก ซึ่งวันนี้จะมาชวนเม้าท์กันว่าจะใช้ IG Stoires สำหรับการทำการตลาดให้แบรนด์ยังไงดี!   รู้หรือไม่…คนไทยใช้เวลากับมือถือเกือบ 6 ชั่วโมงต่อวัน! อีกทั้ง DataReportal ปี 2023 ได้รีเสิร์ชไว้ว่าคนไทยที่ใช้งานอินสตาแกรมนั้นสูงถึง 17.35 ล้านคน และการทำการโฆษณาอย่าง IG Stories Ads Guide บนอินสตาแกรมสามารถเข้าถึงคนไทยได้ถึง 30%   IG Stories – การสร้างคอนเทนต์รูปภาพหรือ VDO ที่สามารถเพิ่มลูกเล่น เช่น ใส่ข้อความ เพลง สถานที่ และสติ๊กเกอร์ได้ โดยความพิเศษอยู่ที่คอนเทนต์อยู่ได้เพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น!   IG Stories Ads Guide – การสร้างโฆษณาผ่าน IG Stories เพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าผ่านการ ‘ส่องไอจีสตอรี่’ นั่นเอง   3 ข้อดีทำการตลาดผ่าน IG Stories Ads Guide เพิ่มการมองเห็นได้ดีกว่า – เป็นฟีเจอร์สำหรับการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น ทั้งช่วยเพิ่ม Engagement ให้กับแบรนด์ได้ง่ายกว่าการโพสต์แบบปกติ ทำให้ IG Stories เหมาะกับการสร้างกระแสให้กับสินค้าตัวใหม่ รวมทั้งรับฟัง Feedback ตรง ๆ จากลูกค้าได้ด้วยฟีเจอร์ Q&A อีกด้วย สร้างความใกล้ชิดระหว่างลูกค้าและแบรนด์ – เพราะข้อจำกัดที่คอนเทนต์จะหายไปใน 24 ชั่วโมง ทำให้รูปภาพหรือ VDO ที่จะโพสต์บน IG Stories มีความเป๊ะน้อยกว่าคอนเทนต์โพสต์บนหน้าโปรไฟล์ แต่ความไม่เป๊ะนี้ช่วยเพิ่มความรู้สึกที่ ‘จริงใจ’ จากแบรนด์สื่อถึง user ได้ดีกว่า ทำให้ IG Stories สามารถสื่อสารและเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ได้ดีกว่านั่นเอง กระตุ้นยอด Follower – INSTAGRAM นั้นไม่มีการยิงแอดเพิ่มยอด Follower ได้ การทำกิจกรรมเพิ่มเพิ่มยอดฯ ผ่าน IG Stories จึงเป้นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ได้ผล อาจจะเป็นกิจกรรมร่วมสนุกแจกของรางวัลหรืออื่น ๆ ด้วยคอนเทนต์ที่น่าดึงดูด เพราะ IG Stories เข้าถึง User ได้ดีว่าโพสต์ปกติที่ไม่ได้ Boost อยู่แล้วนั่นเอง   การทำการตลาดนั้นมีหลายส่วนที่ต้องทำร่วมกัน ข้อสำคัญไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มหรือเครื่องมือ แต่ต้องใช้คอนเทนต์ที่มีคุณภาพและกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมกับตัวธุรกิจด้วย การทำการตลาดที่สำเร็จจึงไม่มีสูตรสำเร็จที่แท้จริง อยากใช้กลยุทธ์การตลาดบูสให้ธุรกิจเติบโตบนแพลตฟอร์มออนไลน์ Crosswalk Agency พร้อมซัพพอร์ตและให้คำปรึกษาด้วยความเชี่ยวชาญเรื่องการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 10 ปี พร้อมช่วยสร้าง Branding วางแพลน Marketing และมีทีม Production คุณภาพให้บริการเพื่อสร้างสรรค์ธุรกิจของคุณให้เติบโต สอบถามแพ็คเกจพร้อมรับราคาพิเศษคลิกเลย ที่นี้

มาเก็ตติ้งชวนเม้าท์! TikTok ความเพลิดเพลินสู่การช้อปปิ้ง

ใครไม่รู้จัก TikTok อาจจะไม่ได้เรียกว่า OUT แต่จะเสียโอกาสในการทำการตลาดนะจ๊ะ ได้เวลาลบภาพจำ TikTok = คลิปคนเต้น ออกไป เพราะต๊อกต๊อกกำลังจะแพลตฟอร์มที่รวมเอาทุกความต้องการของ User ไว้ในแอปฯเดียว!   TikTok โซเชียลมีเดียที่มาแรงสุด ๆ และยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีในเรื่องของ Search Engine ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสำหรับคอนเทนต์สนุกสนานเพลิดเพลินสู่การเป็น Market Place ที่ก้าวเข้าสู่ E-commerce บนแอปพลิเคชั่นเดียวด้วยฟีเจอร์ TikTok Shop   เคยมั้ยดูคลิปหรือคอนเทนต์แล้วอยากได้ของตาม… ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะต้องออกจาก Social Media แล้วไปกดซื้อในแอปฯ E-commerce อื่น ๆ แต่ TikTok ได้เพิ่มฟีเจอร์ TikTok Shop สำหรับคนรักการช้อปปิ้ง แค่เจ้าของคลิปติดตะกร้าเอาไว้ในคลิป…คนดูเสร็จปุ้ปกดซื้อได้ปั๊ป! ไม่ต้องออกจากแอป สะดวกสุด ๆ แค่กดปุ่ม “ซื้อ” ได้ทันที  อีกทั้ง TikTok ยังมีความแนบเนียนในการสร้าง Sponsor Post ที่ user แทบจะไม่รู้สึกเลยว่าโดนยิง Ads อยู่ เพราะ AI ที่มักจะสรรหาคอนเทนต์ที่ถูกจริตมาให้เสมอ ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการทำการตลาดมาก ๆ  การเปิดร้านบน TikTok จึงเป็นการเปิดโอกาสการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรงและขยายฐานลูกค้าได้ในวงกว้าง รวมทั้งช่วยกระตุ้นให้ User เกิดการซื้อสินค้าจากคอนเทนต์ของแบรนด์ได้โดยตรงอีกด้วย โอกาสทองในการทำการตลาที่จะเชื่อมโยงกับ “ลูกค้า” ที่ดูคอนเทนต์ และซื้อสินค้าจบได้ในแอปฯ เดียว   สิ่งที่น่าจับตามองเพราะนอกจากแบรนด์หรือธุรกิจทั่วไปกำลังทยอยเข้าร่วมแล้ว เหล่าบรรดา High-end Brand อาทิเช่น CHANEL, GUCCI และอื่น ๆ ก็ทยอยเข้าร่วมกับ TikTok แล้วเหมือนกัน หรือในอนาคตอันใกล้อาจจะมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ล้ำหน้าเพิ่มเติมขึ้นอีกก็เป็นได้ อยากสร้างร้านค้าหรือเปิดตลาดใหม่ให้กับแบรนด์บนโลกออนไลน์ Crosswalk Agency พร้อมซัพพอร์ตและให้คำปรึกษาเรื่องการยิง Ads และคอนเทนต์ที่ดีสำหรับสำหรับคลีนิกความงาม ด้วยความเชี่ยวชาญเรื่องการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากกว่า 10 ปี พร้อมช่วยสร้าง Branding วางแพลน Marketing และมีทีม Production คุณภาพให้บริการเพื่อสร้างสรรค์ธุรกิจของคุณให้เติบโต สอบถามแพ็คเกจพร้อมรับราคาพิเศษคลิกเลย ที่นี้

มาร์เก็ตติ้งชวนเม้าท์! Music Marketing การทำการตลาดด้วยเสียงเพลง

“ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดาน เป็นคนชอบกลนัก” …  หนึ่งในบทพระราชนิพนธ์แปลของร. 6  เรื่อง “เวนิสวาณิช” สามารถบ่งบอกได้ถึงความสัมพันธ์ของเสียงเพลงและการรับรู้ของคนเราได้อย่างชัดเจน เพราะเสียงเพลงมีผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก และจินตนาการของมนุษย์ เสียงเพลงจึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือกลยุทธ์ทางการตลาดที่แบรนด์ไม่ควรมองข้ามกันนะ   เสียงเพลงกระตุ้นความรู้สึก เคยรู้สึกตามไปกับเพลงที่กำลังฟังกันมั้ยเอ่ย? หลายคนน่าจะตอบว่า…เคยอย่างแน่นอน เพราะเสียงดนตรีนั้นมีผลโดยตรงกับอารมณ์ของมนุษย์ ซึ่งถ้าร้านที่เปิดเพลงโดนใจลูกค้าและเข้ากับบรรยากาศของร้านก็จะช่วยให้ลูกค้านั้นรู้สึกอยากจะกลับมานั่งอีกครั้ง อีกทั้งการเปิดเพลงที่เข้ากับร้านหรือเข้ากับแบรนด์นั้นยังช่วยขับเคลื่อนอารมณ์ของลูกค้าให้มีความรู้สึกร่วมกับแบรนด์ ซึ่งช่วยกระตุ้นการซื้อสินค้าและบริการของลูกค้าได้อีกด้วย   เสียงเพลงบันทึกความทรงจำ เสียงเพลงนั้นทำงานโดนตรงกับสมองทำให้เกิดการจดจำได้อย่างอัตโนมัติ ยิ่งเป็นเสียงเพลงที่ชอบหรือโปรดปรานต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็จะยังคงจำทำนองได้ ถ้าแบรนด์เลือกใช้เสียงเพลงที่ติดหูเพื่อทำให้ลูกค้าได้ยินแล้วนึกถึงแบรนด์ได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งเป็นหารสร้าง Awearness ให้กับแบรนด์ได้ในรูปแบบหนึ่ง รวมทั้งยังเพิ่มโอกาสให้ลูกค้านึกถึงและกลับมาซื้อหรือใช้บริการซ้ำอีกด้วย   อัพเดตเพลงตามเทรนด์ เป็นคอนเทนต์ที่อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกแบรนด์ แต่แบรนด์สามารถเข้าร่วมชาเลนจ์เพลงใหม่ของศิลปินที่ปล่อยออกมา เพราะช่วยให้คอนเทนต์ของแบรนด์ไปอยู่ในเทรนด์ได้อย่างดี แต่อาจจะต้องเลือกเพลงหรือศิลปินที่เข้ากับคอนเซ็ปต์ของแบรนด์เพื่อให้ไม่หลุดอัตลักษณ์ของแบรนด์นั่นเอง   คอนเทนต์ที่สร้างกับเพลงที่ใช้ การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพนั้นไม่เพียงแค่ภาพสวยเท่านั้น เสียงเพลงก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญในการสร้างคอนเทนต์ เพียงใส่เพลงคนละแนวก็สามารถเปลี่ยน Mood and Tone ของคอนเทนต์นั้นได้อย่างสิ้นเชิง เสียงเพลงยังช่วยสื่อสารอารมณ์ของแบรนด์หรือสินค้าไปยังลูกค้าได้อย่างตรงอารมณ์ เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจคอนเทนต์นั้น ๆ หรืออารมณ์ของแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น   Music Marketing อาจจะยังเป็นกลยุทธ์ใหม่ทางการตลาดที่ยังต้องหาวิธีใช้ให้เข้ากับแบรนด์อย่างเหมาะสม แต่ก็มีแบรนด์ใหญ่ ๆ หลายแบรนด์ที่มีใช้เสียงเพลงในการทำการตลาดให้เห็นอยู่บ่อย ๆ สำหรับธุรกิจขนาดเล็กอาจจะไม่ต้องถึงขั้นแต่งเพลงหรือจ้างศิลปินของตัวเอง แต่เลือกใช้เสียงเพลงให้เข้ากับแบรนด์และไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ของศิลปินก็สามารถช่วยกระตุ้นยอดขายให้ปังขึ้นได้แล้ว ทีมการตลาดดีมีมีชัยไปกว่าครึ่ง Crosswalk – Creative Marketing Agency ที่มีครบทุกบริการทางการตลาด พร้อมทีมงานคุณภาพที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี พร้อมสร้าง Branding และวางแพลนการทำการตลาดทั้ง Online และ Offline ให้กับธุรกิจของคุณ สอบถามแพ็คเกจพร้อมรับราคาพิเศษคลิกเลย ที่นี้